สหพัฒน์หมดทางแก้ฟรีโฟลต

นักลงทุนกอดหุ้นกินปันผลยาวเครือนี้เน้นมั่นคงไม่นิยมเพิ่มทุน

“บุญชัย” หมดปัญญาเพิ่มฟรีโฟลตหุ้นเครือสหพัฒน์ เหตุนักลงทุนถือยาวรับปันผล ไม่จำเป็นเพิ่มทุน ไล่พวกชอบเก็งกำไรไปหุ้นอื่น

นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล (SPC) เปิดเผยว่า การเพิ่มสภาพคล่อง (ฟรีโฟลต) ให้กับหุ้นในเครือสหพัฒน์ทำได้ยาก เนื่องจากเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเงินปันผลมั่นคง นักลงทุนนิยมซื้อแล้วถือยาว ทำให้ปริมาณหุ้นหมุนเวียนในตลาดมีน้อย

นอกจากนี้ บริษัทในเครือสหพัฒน์ไม่ชอบเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อเพิ่มจำนวนหุ้นในตลาด เนื่องจากการเพิ่มทุนแต่ละครั้งต้องพิจารณาว่าจะนำเงินไปลงทุนอะไร และสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้มากกว่าเดิมหรือไม่ หากเพิ่มทุนแล้วทำให้ผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นลดลงก็จะไม่ทำ เพราะบริษัทยึดหลักความมั่นคงและรักษาอัตราผลตอบแทนให้สม่ำเสมอ

“เรื่องสภาพคล่องเป็นเรื่องที่พูดยาก ต่อให้เราเพิ่มทุนขึ้นอีกเท่าตัว หรือแตกพาร์ สภาพคล่องก็อาจจะไม่ดีขึ้น เพราะคนซื้อหุ้นสหพัฒน์จะถือยาว เน้นความมั่นคง ไม่นำออกมาขายหมุนเวียนในตลาด เราไม่ได้สนใจนักลงทุนประเภทเก็งกำไร ใครจะลงทุนระยะยาวมาลงทุนกับเรา แต่ใครชอบซื้อมาขายไปก็ไม่จำเป็นต้องมาใช้สหพัฒน์” นายบุญชัย กล่าว

สำหรับ SPC อยากเป็นหุ้นที่ให้อัตราตอบแทนเงินปันผลสูง(Dividend Stock) ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทจ่ายสูงขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ยมากกว่า 3% ต่อปี ส่วนในปีนี้ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ผู้ถือหุ้นจะได้ไม่ต่ำกว่าระดับดังกล่าวหรืออาจจะมากกว่า ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทจะนำกระแสเงินสดไปลงทุนเพิ่มหรือไม่

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง (SPI) เปิดเผยว่า การแก้ไขปัญหาฟรีโฟลตเป็นนโยบายของบริษัทในเครือแต่ละแห่ง ซึ่ง SPI จะไม่เข้าไปแทรกแซง เพราะอาจถูกมองว่าเป็นการเข้าไปทำราคาหุ้น

ส่วนสาเหตุที่ทำให้หุ้นในเครือสหพัฒน์มีสภาพคล่องต่ำน่าจะเป็นเพราะผู้ถือหุ้นเดิมไม่ยอมปล่อยหุ้นออกมา ส่วนใหญ่ได้รับเงินปันผลสูงกว่าต้นทุนหุ้นที่ถืออยู่ ทำให้ไม่มีแรงจูงใจที่จะขายหุ้นออกมาในตลาด

“ผู้ถือหุ้นเดิมมีต้นทุนที่ราคาพาร์ทั้งนั้น ตอนนี้ได้รับเงินปันผลมากกว่าราคาพาร์หมดแล้ว ขณะที่มูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และให้ผลตอบแทนปันผลที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก จึงไม่รู้ว่าจะขายไปทำไม ไม่รู้ว่าจะเอาเงินไปทำอะไร” นายสันติ กล่าว

นายอภิชาติ ธรรมมโนมัย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ (PB) เปิดเผยว่า ผลจากการแตกพาร์หุ้นจาก 10 บาท เหลือ 1 บาท ทำให้มูลค่าการซื้อขายหุ้น PB เฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นเป็น 6 แสนบาท จากเดิมอยู่ที่ 4 แสนบาท ขณะที่ราคาหุ้นก็เพิ่มขึ้นจากระดับ 24 บาท เป็น 27-28 บาท ถือว่าดีขึ้นและอยู่ในระดับที่น่าพอใจ

นายสุชัย รัตนเจียเจริญกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ (TF) เปิดเผยว่า บริษัทแตกพาร์จาก 10 บาท เหลือ 1 บาท ส่งผลให้ฟรีโฟลตเพิ่มขึ้นพอสมควร และเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนมีทางเลือกที่จะลงทุนในหุ้นปันผลดีระยะยาว