posttoday

น้ำปลาตราชั่งความสำเร็จจากรุ่นสู่รุ่น

09 พฤษภาคม 2554

กว่า 70 ปี ของธุรกิจผลิตน้ำปลาในครัวเรือนไว้ขายเพื่อยังชีพ

กว่า 70 ปี ของธุรกิจผลิตน้ำปลาในครัวเรือนไว้ขายเพื่อยังชีพ

โดย..สิทธิณี ห่วงนาค 

ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ผ่านมา 4 ชั่วอายุคน โดยมี สันติ ตันติเวชวุฒิกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงงานน้ำปลาตั้งไถ่เชียง ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นที่ 3 ช่วยสานต่อสู่ความสำเร็จ การเป็นเจ้าของธุรกิจน้ำปลาติดอันดับต้นๆ ของประเทศ

น้ำปลาตราชั่งความสำเร็จจากรุ่นสู่รุ่น

จากวัยเด็กที่ช่วยอาก๋ง แปะฉลากน้ำปลาข้างขวด เร่ขายบ้านใกล้เรือนเคียง มาถึงยุคของพ่อ ที่ยังยึดอาชีพทำน้ำปลาขาย จนปี 2511 โรงงานน้ำปลาตราชั่งจึงเกิดขึ้น ภายใต้ชื่อ โรงงานน้ำปลาตราชู

ปัจจุบัน 43 ปีของธุรกิจโรงงานน้ำปลาตราชั่ง ได้รับการยอมรับจากทั่วประเทศ วันนี้สามารถพูดได้เต็มปากว่า สันติ เป็นอีกหนึ่งกูรู ของตลาดน้ำปลาของไทยที่สร้างตัวจากประสบการณ์จริง

“กิจการเราดีขึ้นมาเรื่อยๆ จนตั้งโรงงานน้ำปลาตราตาชูได้ในปี 2511 ตอนนี้นอกจากจะผลิตน้ำปลาแล้วยังผลิต กะปิเกรดเอ ในชื่อเดียวกัน ออกจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ธุรกิจแต่ละปีมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท เป็นรายได้จากการส่งออก 10% และมีส่วนแบ่งตลาดน้ำปลาในประเทศราว 10% มากเป็นลำดับที่ 3 ของประเทศ”

อย่างไรก็ดี เนื่องด้วยตลาดน้ำปลาเป็นตลาดที่ไม่หวือหวา ทำให้การทำตลาดเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ตลาดในประเทศเป็นตลาดหลัก โรงงานพยายามเข้าสู่ตลาดโมเดิร์นเทรดเพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากค่าใช้จ่ายสูงมาก ทำให้การขยับขยายทำได้ไม่มากนัก ส่วนตลาดต่างประเทศ โดยมากเป็นประเทศที่คนเอเชียอยู่มากๆ เช่น ฮ่องกง สหรัฐ ขณะนี้ก็พยายามเข้าไปในสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และไต้หวัน

แน่นอนว่า ดำเนินธุรกิจมานานขนาดนี้ อุปสรรคย่อมมีมากเช่นกัน สันติ บอกว่า ปัญหาสำคัญคือ ราคาวัตถุดิบที่แพงขึ้น แต่ไม่สามารถขอขึ้นราคาน้ำปลาจากกรมการค้าภายในได้

ที่ผ่านมาการผลิตน้ำปลาต้นทุนไม่สูงมากเหมือนปัจจุบัน เพราะราคาปลา กก.ละ 13 บาท วันนี้หาซื้อยาก มีแต่ราคา 10 บาทต่อ กก.ขึ้นไป โดยก่อนหน้าใช้วัตถุดิบคือ ปลาเล็กปลาน้อยที่เหลือจากการคัดเลือก โรงงานจะมีเจ้าประจำที่นำปลามาส่ง แต่ปัจจุบันคนนิยมบริโภคปลาเล็กปลายน้อยทอดกรอบ หรือปรุงรสกันมาก ทำให้วัตถุดิบที่นำมาใช้ผลิตน้ำปลาลดลง ราคาวัตถุดิบสำหรับทำน้ำปลาแพงขึ้น ราคาจำหน่ายจึงควรต้องปรับตัวเพิ่มตามต้นทุนขึ้นมา

น้ำปลาตราชั่งความสำเร็จจากรุ่นสู่รุ่น

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์น้ำปลาตราชั่ง มีทั้งบรรจุขวดแก้ว ขวดเพ็ต หรือขวดพลาสติกในขนาดต่างกัน และราคาต่างกัน เป็นช่องทางขยายตลาดเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง ถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญที่ต้องปรับตัวให้ตรงกับตลาด เพราะมีคนไม่มากที่ยอมซื้อน้ำปลาแพงบริโภค หลายคนคิดว่าน้ำปลาก็คือน้ำปลา แต่บางกลุ่มจะดูเรื่องคุณภาพด้วย แต่กลุ่มนี้จะมีไม่มาก

สินค้าอีกตัวที่กำลังดีวันดีคืน คือ กะปิ ตรา ตราชั่ง ขณะนี้กำลังการผลิตอยู่ที่ปีละประมาณ 2 ตัน แบ่งบรรจุสำหรับจำหน่าย กระปุกน้ำหนัก 105 กรัม 400 กรัม 579 กรัม และ 90 กรัม เพื่อตอบสนองครัวไทยที่เริ่มเป็นครอบครัวขนาดเล็ก ปรากฏว่าได้รับความนิยมอย่างมาก

กระนั้น อุปสรรคสำคัญยังคงเป็นเรื่องปริมาณและราคา เพราะวัตถุดิบราคาสูงขึ้น เนื่องจากปริมาณกุ้งเคยลดลงจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้การวางแผนการผลิตไม่ตรงตามที่คาด เช่น ปกติกุ้งเคยจะมีมากประมาณเดือน ต.ค.พ.ย.

ปีที่ผ่านมาเนื่องจากปริมาณฝนตกชุก กุ้งเคยจึงลดลง 40% ทำให้ราคากุ้งเคยในปีที่ผ่านมาปรับเพิ่มสูงมาก จากเดิม กก.ละ 9-18 บาท ขณะนี้ราคาขึ้นไปถึง 13-18 บาทต่อ กก. โดยสัดส่วนในการผลิตคือ กุ้งสด 3 กก. ได้กะปิ 1 กก. ต้นทุนการผลิตขณะนี้เพิ่มขึ้น 30%

สันติ ทิ้งท้ายไว้ว่า แม้ปัจจุบันปริมาณวัตถุดิบจะลดลง ราคาวัตถุดิบแพงขึ้น สวนทางกับราคาน้ำปลาที่ยังคงนิ่งอยู่กับที่ เพราะยังไม่ได้รับการอนุญาตให้ปรับขึ้น แต่ก็เชื่อว่าผู้ผลิตน้ำปลาไทยจะยังเดินหน้าผลิตน้ำปลาขายต่อไป เพื่อทุกครัวเรือน และอนุรักษ์อาชีพผลิตน้ำปลาต่อไป แม้รัฐจะไม่เหลียวแล

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"