‘สิงห์’มุ่งธุรกิจไร้แอลกอฮอล์
เล็งส่งสินค้าใหม่34ตัวต่อปีรับเบียร์ขาลงกฎหมายคุมเข้ม
เล็งส่งสินค้าใหม่34ตัวต่อปีรับเบียร์ขาลงกฎหมายคุมเข้ม
สิงห์ เปิดเกมบุกตลาดนันแอลกอฮอล์ ส่งน้ำแร่ “เพอร่า” ก่อนออกสินค้าใหม่อีก 34 รายการ หวังโต 15% ทุกปี
นายรติ พันธุ์ทวี ผู้อำนวยการบริหารประจำสำนักงานกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ ผู้ผลิตเบียร์ โซดา และน้ำดื่มตรา “สิงห์” เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ บริษัทจะมุ่งให้ความสำคัญในธุรกิจกลุ่มปราศจากแอลกอฮอล์ (นันแอลกอฮอล์) โดยวางแผนออกสินค้าใหม่ 34 ตัวต่อปี ในสินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่ม
ล่าสุด บริษัทได้ทำตลาดน้ำแร่แบรนด์ “เพอร่า” โดยสินค้าดังกล่าวผลิตจากโรงงานน้ำดื่มและโซดาที่ จ.สิงห์บุรี ซึ่งมีสายการผลิตอยู่แล้ว ทำให้บริษัทไม่ต้องลงทุนเพิ่มด้านเครื่องจักรในการผลิต และวางจำหน่ายที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเป็นแห่งแรก จากนั้นในเดือน มิ.ย.นี้ จะกระจายสินค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยอยู่ระหว่างเจรจากับช่องทางจำหน่ายโมเดิร์นเทรดอื่นๆ รวมทั้งร้านค้าปลีกรายย่อยด้วย
สำหรับน้ำแร่แบรนด์เพอร่า ถือเป็นสินค้าใหม่ที่บริษัทต้องการนำมาเสริมให้ครอบคลุมความหลากหลายในธุรกิจนันแอลกอฮอล์ของบริษัทให้มากขึ้น ซึ่งบริษัทจะดูผลการตอบรับสินค้าในช่วงแรกก่อนดำเนินการวางงบประมาณสำหรับการทำตลาดอย่างจริงจังต่อไป
ทั้งนี้ ได้วางจำหน่ายสินค้าใหม่ดังกล่าว 2 ขนาด คือ บรรจุ 330 มล. ราคาขายปลีก 8 บาท และบรรจุ 600 มล. ราคา 10 บาท
ด้านแผนงานในปีหน้า บริษัทเตรียมออกสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาตลาดสินค้าหลายรายการ ทั้งหมวดอาหาร ขนมขบเคี้ยว และเครื่องดื่ม ฯลฯ ซึ่งเป็นแผนงานต่อเนื่องจากปีนี้ หลังจากที่บริษัททำตลาดข้าวถุงแบรนด์ “พันดี” อย่างจริงจัง ซึ่งหลังจากได้ทดลองตลาดตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ในช่วงแรกจะเน้นทำตลาดในประเทศ เพื่อสร้างสินค้าให้เป็นที่รู้จักก่อน
สำหรับทิศทางการรุกธุรกิจนันแอลกอฮอล์ด้วยการออกสินค้าใหม่ในทุกปีนั้น เพื่อผลักดันให้ธุรกิจกลุ่มดังกล่าวมีอัตราการเติบโตปีละ 15% นับจากนี้ไป จากที่ผ่านมาธุรกิจนันแอลกอฮอล์เติบโตเฉลี่ยปีละ 78% สัดส่วนรายได้หลักมาจากน้ำดื่ม โซดา และบีอิ้ง
ขณะเดียวกันยังตั้งเป้าหมายผลักดันให้สัดส่วนรายได้ของธุรกิจนันแอลกอฮอล์ในอีก 5 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้นเป็น 30% และธุรกิจแอลกอฮอล์ลดลงเหลือ 70% จากปัจจุบันสัดส่วนรายได้อยู่เพียง 10% ที่เหลืออีก 90% เป็นธุรกิจแอลกอฮอล์
“ในปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้ธุรกิจนันแอลกอฮอล์ไว้ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากธุรกิจแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะเบียร์มีอัตราเติบโตลดลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อปีที่แล้วเติบโตเพียง 34%” นายรติ กล่าว
สำหรับสินค้าในกลุ่มเบียร์นั้นมีอัตราเติบโตอยู่ที่ 5% แม้ว่าจะเติบโตมากกว่าภาพรวมของตลาด แต่แนวโน้มธุรกิจเบียร์ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ใส่ใจในเรื่องสุขภาพมากขึ้น และข้อจำกัดด้านกฎหมายก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัย การหันมาเน้นรุกธุรกิจนันแอลกอฮอล์จึงถือเป็นการลดความเสี่ยง และสามารถวางแผนขยายธุรกิจในระยะยาว


