posttoday

อยากรู้มั้ย?ใครกินเงินเดือนเป็นล้าน

13 เมษายน 2554

หากเอ่ยถึงอาชีพที่ฟันรายได้ต่อปีสูงที่สุด “นายแบงก์” ไม่เคยหลุดโผเพราะขึ้นชื่อว่าเป็นธุรกิจที่มีแต่กำไรและไม่ใช่ธุรกิจที่มนุษย์ธรรมดา

หากเอ่ยถึงอาชีพที่ฟันรายได้ต่อปีสูงที่สุด “นายแบงก์” ไม่เคยหลุดโผเพราะขึ้นชื่อว่าเป็นธุรกิจที่มีแต่กำไรและไม่ใช่ธุรกิจที่มนุษย์ธรรมดา

จะเข้าไปหยิบจับมาทำกันได้ง่ายๆ ดังนั้นผู้ถือหุ้นในกิจการนี้จึงติดอันดับอภิมหาเศรษฐี

แต่การจะนำพาธุรกิจธนาคารให้ประสบความสำเร็จและสร้างผลกำไรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำนั้นก็ไม่ใช่งานง่ายๆ เช่นกัน เพราะเป็นงานที่ต้องใช้มันสมองหรือกึ๋นเข้ามาบริหารความร่ำรวยบนความเสี่ยง

บทบาทและหน้าที่ของผู้บริหาร หรือซีอีโอ ของแต่ละธนาคารจึงสำคัญในการวางกลยุทธ์คุมหางเสือเพื่อหารายได้สร้างกำไรให้เพิ่มขึ้น

คุณเคยคิดหรือไม่ว่าบรรดานายธนาคารและซีอีโอที่ทุ่มเทการทำงานนำพาองค์ธนาคารให้เติบใหญ่เหล่านั้นมีรายได้กันเท่าไหร่

แม้นายธนาคารแต่ละคนจะไม่บอกถึงรายได้ แต่โพสต์ทูเดย์ใช้ความพยายามในการแกะรอยข้อมูลจากรายงานประจำปี 2553 พบว่า ผู้บริหารธนาคารที่ได้รับผลตอบแทนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ได้แก่ ชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ ชาตรี โสภณพนิช ประธานกรรมการธนาคารและเป็นหลานของ ชิน โสภณพนิช ผู้ก่อตั้งธนาคาร ทั้งนี้ ชาติศิริ นับเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ที่เข้ามาทำหน้าที่กุมบังเหียนธุรกิจของครอบครัวตัวเอง

อยากรู้มั้ย?ใครกินเงินเดือนเป็นล้าน

โทนี่ ซีอีโอ ธนาคารกรุงเทพ ได้รับผลตอบแทนในปี 2553 รวมทั้งสิ้นไม่มากไม่น้อยแค่ 35.87 ล้านบาทเท่านั้น เดือนละ 2.98 ล้านบาทเอ๊ง

จำแนกเป็นรายได้จากการเป็นคณะกรรมการธนาคาร 4.25 ล้านบาท รายได้จากเงินบำเหน็จสำหรับกรรมการ 18 คน เป็นเงิน 84 ล้านบาท เฉลี่ยคนละ 4.6 ล้านบาท และรายได้จากการจ่ายเงินเดือน โบนัส และเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพผู้บริหารระดับสูง 9 คน รวม 244.82 ล้านบาท เฉลี่ยแล้วโทนี่ได้ไป 27.02 ล้านบาท

อันดับที่ 2 คือ หญิงเก่ง กรรณิกาชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ หญิงเหล็กแห่งธุรกิจการเงินผู้ซึ่งเข้ามาปฏิวัติแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น กรรณิกาได้รับผลตอบแทนในปี 2553 สิริรวม 24.80 ล้านบาท

เอ่อเดือนละแค่ 2 ล้านบาทเอ๊ง

แบ่งเป็นรายได้จากการเป็นกรรมการธนาคาร 1.2 ล้านบาท รายได้จากเงินบำเหน็จพิเศษในอัตรา 0.5% ของเงินปันผล 8,498 ล้านบาท ก็ตกคนละ 2.65 ล้านบาท และเมื่อรวมกับรายได้จากการจ่ายเงินเดือน โบนัส และเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพสำหรับผู้บริหารระดับสูง 12 คน รวม 251.41 ล้านบาท เฉลี่ยได้กันไปคนละ 20.95 ล้านบาท

อันดับที่ 3 ค่อนข้างพลิกโผเล็กน้อยเมื่อตกเป็นของซีอีโอจากธนาคารขนาดเล็ก อย่าง เกียรตินาคิน เขาคือ ธวัชไชยสุทธิกิจพิศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้รับค่าตอบแทนรวม 14.03 ล้านบาท

แบ่งเป็นรายได้จากการเป็นคณะกรรมการธนาคารและเงินบำเหน็จรวม 5.18 ล้านบาท รายได้จากการจ่ายเงินเดือน โบนัส และเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพผู้บริหารระดับสูงจำนวน 8 คน รวมเป็นเงิน 70.8 ล้านบาท เฉลี่ยได้ไปคนละ 8.85 ล้านบาท

อันดับที่ 4 ที่ผิดคาด ได้แก่ “เสี่ยปั้น” บัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เขาได้รับผลตอบแทนในปีที่ผ่านมารวมทั้งสิ้นแค่ 13.50 ล้านบาท จิ๊บๆ เดือนละ 1 ล้านบาทเศษเท่านั้น

แบ่งเป็นรายได้จากการเป็นคณะกรรมการธนาคาร 1.2 ล้านบาท รายได้จากเงินบำเหน็จ 1.74 ล้านบาท และรายได้จากการจ่ายเงินเดือน โบนัส และเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพของผู้บริหารระดับสูง 22 คน รวมเป็นเงิน 232.44 ล้านบาท เฉลี่ยรับไปคนละ 10.56 ล้านบาท

อันดับ 5 มาแรงเป็น “เสี่ยจิ๋ว” อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย ผู้ซึ่งรับบทบาทสำคัญในธนาคารลูกครึ่งกึ่งรัฐกึ่งเอกชน ที่ต้องบริการจัดการนโยบายรัฐกับการทำธุรกิจธนาคารพาณิชย์ให้ผสมผสานกันอย่างกลมกลืน ไม่หนักไม่เบาจนเกินไป

ในเมื่อหน้าที่ทั้งกดดันและสุ่มเสี่ยงอย่างนี้ ผลตอบแทนก็ย่อมสมน้ำสมเนื้ออภิศักดิ์ได้รับผลตอบแทนรวมทั้งสิ้น 12.73 ล้านบาท

แบ่งเป็นรายได้จากการเป็นคณะกรรมการธนาคาร 1.32 ล้านบาท รายได้จากการเป็นคณะกรรมการบริหาร 1.41 ล้านบาท รายได้จากเงินบำเหน็จ 1.93 ล้านบาท และรายได้จากการจ่ายเงินเดือน โบนัส และเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพของผู้บริหารระดับสูง 19 คน รวมเป็นเงิน 153 ล้านบาท เฉลี่ยรับกันคนละ 8.05 ล้านบาท

อันดับ 6 ตกเป็นของ ดร.แซมสุภัค ศิวะรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ผู้ซึ่งเคยเป็นอดีตซีอีโอของธนาคารทหารไทยยุคควบรวม ปีที่ผ่านมาเขามีรายได้ไม่มากไม่มายแค่ 12.36 ล้านบาท

สำหรับซีอีโอชื่อดังที่กำลัง “Make the Difference” บุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารทหารไทยนั้น แม้จะไม่ได้รับค่าตอบแทนในฐานะกรรมการธนาคารตามข้อบังคับ แต่ค่าตอบแทนในด้านเงินเดือนนั้นมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างกันว่า รับไปไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1 ล้านบาท เช่นกัน

อันดับ 7 มาร์ค อาร์โนลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยาซีอีโอที่เป็นตัวแทนของจีอี แคปปิตอล สรรหาเข้ามาบริหารงานโดยมีรายได้รวม 12.11 ล้านบาท แม้ว่าตัวเลขอาจดูไม่มากแต่เมื่อเทียบกับผู้บริหารต่างชาติด้วยกัน แต่เมื่อเทียบค่าครองชีพในเมืองไทยที่ต่ำกว่าตัวเลขที่ออกมาก็นับว่าไม่น้อยทีเดียว

อันดับ 8 มาแบบคิดไม่ถึงคือ อรนุชอภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทิสโก้ ผู้บริหารหญิงจากค่ายวาณิชธนกิจขนาดใหญ่ที่เชี่ยวชาญเฉพาะ เธอได้รับผลตอบแทนรวม 11.7 ล้านบาท

จากข้อมูลข้างต้นเบ็ดเสร็จจะเห็นได้ว่าบรรดานายธนาคารรับค่าตอบแทนกันเดือนละนับล้านบาท ยิ่งเป็นผู้บริหารของธนาคารที่มีผลกำไรมากก็ยิ่งกระเป๋าตุง

ขณะที่มนุษย์เงินเดือนเราๆ ท่านๆ ยังรับเงินเดือนแค่หลักหมื่นต้นๆ ไม่รู้ว่าต้องก้มหน้าตรากตรำทำงานอีกสักกี่ปีจึงจะได้เงินล้าน

รายได้สูงกันขนาดนี้ ไม่รู้ว่าซีอีโอแบงก์เขาจะแบ่งเงินไปฝากไว้กับแบงก์ไหนกันบ้างหนอ?

 

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา