posttoday

ปิดฉากเซาเทิร์นซีบอร์ด-เหล็ก

23 มีนาคม 2554

 แผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 11 ไร้แผนเซาเทิร์นซีบอร์ด เหล็กต้นน้ำส่งลงทุนพม่าแทน

 แผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 11 ไร้แผนเซาเทิร์นซีบอร์ด เหล็กต้นน้ำส่งลงทุนพม่าแทน

นายณรงค์ชัย อัครเศรณี อดีต รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 (ปี 2554-2559) ของไทย การลงทุนขนาดใหญ่จะมุ่งตรงสู่อาเซียน แผนพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจชายฝั่งทะเลภาคใต้ (เซาเทิร์นซีบอร์ด) และโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำจะไม่เกิดขึ้นในเมืองไทยแน่นอน แต่จะมุ่งตรงไปลงทุนที่เมืองทวาย ประเทศพม่า เป็นหลัก เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เหมาะสม เพราะถูกประกาศเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษแล้ว

หลังจากนี้อุตสาหกรรมหนักในเมืองไทยจะเกิดขึ้นน้อย เนื่องจากคนไทยไม่ต้องการ หาที่ตั้งไม่ได้ ทั้งโรงไฟฟ้า เขื่อน จึงมุ่งไปที่เพื่อนบ้านแทน ซึ่งแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 11 จะประกาศอย่างเป็นทางการเดือน มิ.ย. และเริ่มใช้เดือน ต.ค. ถือเป็นฉบับแรกที่รวมยุทธศาสตร์เกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านไว้ในแผน เริ่มจากใช้ความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (จีเอ็มเอส) เป็นฐานการผลิต ใช้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) เป็นแหล่งจัดสรรทรัพยากร ตามด้วยอาเซียนบวก 3 และ 6 เป็นตลาดการค้าและการลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปก) เป็นตลาดกระจายสินค้า

ความร่วมมือจีเอ็มเอส ประกอบด้วย ไทย ลาว กัมพูชา พม่า เวียดนาม และจีน ไทยจัดให้เป็นยุทธศาสตร์ด้านการลงทุน เนื่องจากในอนาคตจะมีระบบขนส่งจากจีนเข้ามาถึงไทยในพื้นที่บริเวณนั้น รวมถึงจีเอ็มเอสเป็นแหล่งทรัพยากรทั้งด้านเกษตรและพลังงาน สามารถเพิ่มกำลังผลิตของภาคการผลิตได้ง่าย

ไทยจำเป็นต้องจัดสรรทรัพยากรให้เหมาะกับตลาดและสินค้าที่ไทยผลิตอยู่ ส่วนอาเซียนบวก 3 และ 6 เพิ่มจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จะช่วยให้ตลาดด้านการค้าและการลงทุนไทยขยายตัวและมีความมั่นคงด้านการเงินมากขึ้น และสุดท้ายเอเปกจะเป็นตลาดในการกระจายสินค้าให้กว้างขวางมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักขณะนี้คือความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งจะเป็นอุปสรรคที่ทำให้การร่วมมือล่าช้าลง เนื่องจากประเทศอื่นๆ ต้องมาเสียเวลาในการประชุมแต่ละครั้งเพื่อช่วยแก้ปัญหา แทนที่จะสามารถประชุมเดินหน้าความร่วมมือได้ทันที

 

ข่าวล่าสุด

3 ชาติผนึกกำลังทลาย 'KK Park - ชเวก๊กโก' รังใหญ่ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์"