posttoday

แลนเซอร์ ท้ายเบนซ์ น่าสน น่าลงทุน

02 กุมภาพันธ์ 2553

รถยนต์มือสองหนึ่งในรุ่นคุ้มค่าและยอดนิยมตลอดกาล ต้องมีชื่อของมิตซูบิชิ แลนเซอร์ รุ่นท้ายเบนซ์ติดโผอยู่อย่างแน่นอน

รถยนต์มือสองหนึ่งในรุ่นคุ้มค่าและยอดนิยมตลอดกาล ต้องมีชื่อของมิตซูบิชิ แลนเซอร์ รุ่นท้ายเบนซ์ติดโผอยู่อย่างแน่นอน

รถยนต์ที่ถือเป็นรุ่นโมเดลเชนจ์จากอี-คาร์ มาพร้อมจุดเด่นคือไฟท้ายดานหลังแบบสามเหลี่ยม ที่มองละม้ายคล้ายไฟท้ายของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส และกลายเป็นที่มาของชื่อที่ทุกคนรู้จักกันดีอย่างแลนเซอร์ ท้ายเบนซ์

แลนเซอร์ ท้ายเบนซ์ น่าสน น่าลงทุน มิตซูบิชิ แลนเซอร์ รุ่นท้ายเบนซ์

สนนราคาจำหน่ายในท้องตลาดจะถูกกว่ารถยนต์ระดับเดียวกันของคู่แข่งเล็กน้อย เพราะอะไหล่มือสองหาได้ยากกว่าและราคาสูงกว่า แต่ก็แลกมาด้วยรถยนต์ที่มีห้องโดยสารขนาดใหญ่เพียงพอสำหรับ 5 ที่นั่งแบบไม่อึดอัด แถมที่ว่างสัมภาะด้านหลังก็ใหญ่โตเอาเรื่อง

ทำตลาดในยุคแรกด้วยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ใช้เครื่องยนต์รหัส 4G15 แบบเบนซิน 4 สูบ SOHC 12 วาล์ว หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ความจุกระบอกสูบ 1,468 ซีซี กำลังสูงสุด 94 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 12.9 กก.-ม. ที่ 3,000 รอบ/นาที มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ

และรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ใช้เครื่องยนต์รหัส 4G93 แบบเบนซิน 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ 1,834 ซีซี กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 16.4 กก.-ม. ที่ 4,500 รอบ/นาที ในรุ่นท๊อปมีแอร์แบ็กและเอบีเอสมาให้ด้วย

ทำตลาดไปได้สักระยะ ไมเนอร์เชนจ์ครั้งแรกของรถรุ่นนี้คือการตัดเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรออก แล้วเปลี่ยนมาคบเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรเป็นทางเลือกใหม่แทน

เครื่องยนต์รุ่นใหม่ ใช้เครื่องยนต์รหัส 4G92 แบบเบนซิน 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ 1,597 ซีซี กำลังสูงสุด 113 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.97 กก.-ม. ที่ 5,000 รอบ/นาที

พร้อมการเพิ่มเกียร์อัตโนมัติแบบอินเวค ทู สปอร์ตทรอนิก ในรุ่นท๊อปของเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร พร้อมกับปรับปรุงในรายละเอียดปลีกย่อยของตัวรถ เช่น ไฟหน้าหรือระบบเบรกที่มีแบบดิสก์เบรก 4 ล้อมาให้

เครื่องยนต์ให้กำลังมาแบบพอเหมาะสมไม่หวือหวามากนัก เน้นไปที่การใช้งานในเมืองให้ประหยัดน้ำมัน ช่วงล่างให้ความนุ่มนวลและมั่นคงในระดับความเร็วต่ำถึงปานกลาง

ระบบปรับอากาศเย็นฉ่ำไม่ค่อยงอแง ขอแค่ดูแลเป็นและดูแลดีดี ตัวที่มีปัญหามากหน่อยก็คงเป็นระบบไฟฟ้าที่ว่ากันว่ามีปัญหาบ่อยพอสมควร แต่ก็ใช้ค่าใช้จ่ายไม่เปลืองมากนักในการดูแลให้เรียบร้อย

ในตลาดมือสองส่วนใหญ่จะเป็นรุ่น 1.5 ลิตรที่สนนราคาเริ่มกันที่ระดับ 2 แสนบาทต้น ๆ ไปจนถึงรุ่นท๊อปอย่าง 1.8 ลิตรที่ราคาไปจบที่ 2 แสนบาทปลาย ๆ ตามสภาพ

เป็นรถมือสองที่น่าใช้อีกรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว...

ข่าวล่าสุด

โปรแกรมซีเกมส์ 2025 วันนี้ 15 ธ.ค. 68 ลิ้งก์ดูสด ถ่ายทอดสดช่องไหน