posttoday

ความศรัทธา กับ มูลค่าทางใจ ใน'สนามพระเครื่อง'

13 มีนาคม 2554

ขอพาผู้อ่านไปตระเวนสนามพระท่าพระจันทร์ และชั้น 3 ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน เพื่อเสาะหาเหตุผลของคนรักพระเครื่องและแง่มุมของการลงทุน ท่ามกลางความศรัทธาของคนรุ่นเดอะและรุ่นใหม่

ขอพาผู้อ่านไปตระเวนสนามพระท่าพระจันทร์ และชั้น 3 ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน เพื่อเสาะหาเหตุผลของคนรักพระเครื่องและแง่มุมของการลงทุน ท่ามกลางความศรัทธาของคนรุ่นเดอะและรุ่นใหม่

โดย...ณัฐพล ช่วงประยูร

 

ความศรัทธา กับ มูลค่าทางใจ ใน'สนามพระเครื่อง'

ขอพาผู้อ่านไปตระเวนสนามพระท่าพระจันทร์ และชั้น 3 ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน เพื่อเสาะหาเหตุผลของคนรักพระเครื่องและแง่มุมของการลงทุน ท่ามกลางความศรัทธาของคนรุ่นเดอะและรุ่นใหม่

พระเครื่องพระบูชา เป็นวัตถุมงคลที่เชื่อกันว่ามีพุทธคุณเเละพุทธานุภาพ ซึ่งกำเนิดมานานนับพันปี ทั้งเรื่องเล่าขานเเละประสบการณ์จากผู้ที่ประสบด้วยตัวเอง มีทั้งแคล้วคลาด คงกระพัน เมตตามหานิยม ผสมความศรัทธา ล้วนเเต่เป็นเรื่องของผู้ที่นิยมเเละสะสมพระเครื่องพระบูชาของไทยตั้งแต่ในอดีตจนปัจจุบัน

ประเทศไทยนั้นเริ่มนิยมพระเครื่องกันในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยมีการนำพระเครื่องมาแขวนคอหรือห้อยคอ พกติดตัวกันแล้ว ในปัจจุบันคนไทยนิยมพระเครื่องกันมาก และสร้างพระเครื่องกันมากด้วยราวปี 2500 พ.อ.ประจญ กิตติประวัติ ได้กำหนดพระเครื่องชุดเบญจภาคีทั้ง 5 องค์ขึ้น เมื่อราวปี 2495

ทำให้กระเเสนักนิยมพระ หรือยุคนั้นเรียก “นักเลงพระ” ที่ส่วนใหญ่จะเป็นข้าราชการเเละเจ้าของกิจการต่างเสาะหา เเละสถานที่เพื่อเป็นจุดชุมนุมพบปะกันขึ้น ซึ่งในเรื่องราวของการเสาะหาความเป็นมาของสนามพระเครื่องในเมืองไทยในที่นี้นั้น ได้เเบ่งบรรยากาศ ออกเป็น 4 ช่วงด้วยกัน คือ

1.สนามพระเครื่องสนามเเรกของไทย “บาร์มหาผัน” (พ.ศ. 2494-2505)

2.เเหล่งตักศิลาพระเครื่อง เมืองไทย

สนามพระวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ (พ.ศ. 2506-0516)

สนามพระวัดราชนัดดา (พ.ศ. 2517)

สนามพระท่าพระจันทร์ (พ.ศ. 2518-ปัจจุบัน)

3.สนามพระขึ้นห้างครั้งเเรก

ห้างพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ (พ.ศ. 2533)

ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน (ห้างบางลำพู งามวงศ์วาน เดิม) 2538

4.สนามพระไอที ในโลกอินเทอร์เน็ต (พ.ศ. 2543 ปัจจุบัน)

พอสรุปเหตุผลแห่งการสะสมบูชาพระเครื่องเพื่อประโยชน์ดังต่อไปนี้

1.สร้างพระเครื่องเพื่อเป็นที่ระลึกให้กับผู้บริจาคทรัพย์ หรือสมทบทุนในโอกาสต่างๆ เช่น สร้างโบสถ์ สร้างวิหาร สร้างสิ่งก่อสร้างที่เป็นสาธารณูปโภคต่างๆ เพื่อให้ผู้บริจาคได้ระลึกถึงการสร้างกุศลผลบุญที่ทำในครั้งนั้น

 

ความศรัทธา กับ มูลค่าทางใจ ใน'สนามพระเครื่อง'

2.สร้างพระเครื่องเพื่อให้เป็นขวัญและกำลังใจในการทำงาน ในการประกอบอาชีพที่สุจริต เช่น ตำรวจ ทหาร อาชีพที่ต้องเสี่ยงภัยต่างๆ

3.สร้างพระเครื่องไว้เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา การสร้างพระเครื่องในลักษณะนี้มีมานานมากร่วม 1,000 ปี ก่อนหน้านี้แล้ว โดยการสร้างพระเครื่องจำนวนหนึ่งตั้งแต่หลักสิบ หลักร้อย หลักพัน บ้างก็ว่าเป็นหมื่นๆ จากนั้นนำพระเครื่องหรือพระพิมพ์นั้นไปบรรจุไว้ในเจดีย์ หรือใต้ฐานพระพุทธรูปบูชาองค์ใหญ่ หรือใต้หลังคาอุโบสถ เมื่อระยะเวลาผ่านไปนานๆ หลายสิบปีหรือหลายร้อยปี แล้วเกิดเหตุให้เจดีย์แตก (กรุแตก) หรือมีการเคลื่อนย้ายพระพุทธรูปบูชาองค์ใหญ่ หรือโบสถ์เก่าชำรุดทรุดโทรมเสียหาย เมื่อมีผู้คนมาพบเจอพระเครื่องและนำไปศึกษาหาที่มาที่ไป หรือนำมาบูชา

นอกจากเหตุผลทั้งสามข้อนี้ ประเด็นการสะสมบูชาพระเครื่องในเรื่องของมุมธุรกิจและการลงทุนนั้น ก็มีอยู่ในที่เพียงแต่ว่าใครจะถือเอาเป็นธุระ หรือเรื่องพูดจาหารืออย่างจริงจังหรือไม่ เพราะระดับราคาที่พอใจทั้งผู้เช่า (พระ) และให้เช่า (พระ) นั้น สูงสุดถึงหลักสิบล้านทีเดียว พอสรุปเหตุผลการสะสมบูชาในมุมของเหล่าชาวสนามพระผู้ชำนาญการ (เซียนพระ)

1.พระเกจิอาจารย์ผู้สร้างพระเครื่องนั้นๆ ท่านเก่ง เป็นพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ท่านได้มรณภาพนับร้อยปีแล้ว และพระเครื่องคือส่วนหนึ่งเพื่อให้ระลึกถึงท่าน

2.การสร้างโบสถ์ สร้างวิหาร สร้างสิ่งก่อสร้างที่เป็นสาธารณูปโภค ต่างๆ รวมทั้งช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่างๆ นั้น ใช่ว่าจะทำหรือเกิดขึ้นกันได้บ่อย กว่าจะพังทรุดโทรมกัน อย่างน้อยๆ ก็กินเวลาเกือบร้อยหรือนับร้อยปี

3.ถ้ารักชอบพระเกจิอาจารย์ท่านใด ก็เก็บของที่ท่านสร้างไว้เป็นที่ระลึก เมื่อท่านมรณภาพไปแล้ว ของที่ระลึกนั้นๆ ก็เป็นตัวแทนท่าน จะไม่ยอมให้ซื้อขาย หรือเช่าบูชากันในราคาถูกแน่ เสมือนหนึ่งราคาใจ

ความศรัทธา กับ มูลค่าทางใจ ใน'สนามพระเครื่อง'

ศุภชัย เรืองสรรงามสิริ หรือ ตี๋เหล้า ประธานชมรมพระเครื่องท่าพระจันทร์ และอุปนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย เล่าประสบการณ์ในวงการพระเครื่องและพระบูชาในเมืองไทยว่า นับตั้งแต่ปี 2526 มา ที่สนามพระท่าพระจันทร์แห่งนี้ มีร้านสำหรับบูชาพระและอุปกรณ์เกี่ยวกับพระเครื่องพระบูชากว่า 100 ร้าน มีทั้งพระเก่าพระใหม่ พระใหม่ก็ยังแยกออกเป็นหลายประเภท เพราะเรื่องนี้เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ พระแต่ละแบบ แต่ละรุ่น ก็จะสะท้อนฝีมืองานช่างของแต่ละยุคออกมา ไม่ว่าจะตั้งแต่ร้อยต้นๆ จนถึงหลายร้อยปี

ระหว่างที่นั่งสนทนาอยู่บริเวณตรอกหนึ่งในตลาดท่าพระจันทร์ ผู้คนที่ผ่านไปมาย่านนี้ยกมือไหว้ทักทายตี๋เหล้าเป็นระยะ เรียกว่าวงการนี้นับหน้าถือตาอาวุโสกันมาก

หากพูดถึงราคาและมูลค่าของพระเครื่องตามที่ได้รับคำตอบ คือ เป็นไปตามกลไกของตลาด เพราะหากได้รับความนิยม ราคาก็สูงตามไป และไม่จำเป็นว่าต้องเป็นพระเก่ามากเสมอไป

กลไกตลาดก็เช่น ค่านิยม ความต้องการของลูกศิษย์ลูกหา เขาอาจอยากได้พระสักองค์และมาหาเช่า โดยมีราคามาในใจ และคนให้เช่าก็ตกลงกัน ราคาขึ้นอยู่กับตลาดก็จริง แต่สุดท้ายหากคนสองคนตกลงใจที่เท่าไร ก็เท่านั้น บางทีมีประสบการณ์เรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ ช่วงนั้นราคาพระองค์ที่เป็นข่าวหรือมีเรื่องราวก็จะขยับขึ้น

“ปัจจุบันผู้สนใจพระเครื่องนั้นส่วนใหญ่แล้วเป็นคนรุ่นใหม่ ในสมัยที่ผมเทิร์นโปรเข้าในวงการพระ ช่วงนั้นจะมีเซียนทั่วประเทศประมาณพันคน แต่ปัจจุบันมีเป็นหลักล้านคน เป้าหมายแต่ละคนอาจจะแตกต่างกัน ปัจจุบันมันเป็นในเชิงการค้ามากกว่า ในอดีตบางคนสะสมเพื่ออนุรักษ์ในศิลปะ พระเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ และมีความเชื่อในพุทธคุณต่างๆ”

เมื่อถามถึงการปลอมแปลงและหลอกขายเป็นอย่างมาก ตี๋เหล้า ออกปากอย่างไม่อายว่า ทุกคนต้องมีประสบการณ์ผิดพลาดทั้งนั้น ไม่เว้นแต่เซียนระดับหลายสิบปีอย่างเขา หรือคนรุ่นพี่ก็ตาม หลายครั้งเกิดจากความเมตตาสงสาร รู้ทั้งรู้ แต่อยากช่วยเหลือคนเดือดร้อน อีกเหตุผลหนึ่ง อาจเป็นเพราะยังศึกษาไม่ถ้วนถี่มากพอ จึงทำให้เข้าใจผิดก็มี

เนื่องจากพระเป็นเรื่องของคุณค่าทางใจ ปัจจุบันก็มีคนหลายชาติในเอเชียเริ่มมาสนใจเก็บสะสม บูชา ตลอดจนลงทุนเพื่อเก็งกำไรในอนาคตด้วย ทุกวันนี้เงินหมุนเวียนในสนามพระท่าพระจันทร์ ตามคำบอกเล่าของตี๋เหล้าคนนี้ ประมาณการอยู่ที่วันละ 5 ล้านบาท นำ 30 มาคูณ 1 เดือน ได้ 150 ล้านบาท นี่เฉพาะที่ย่านท่าพระจันทร์เท่านั้น

 

ความศรัทธา กับ มูลค่าทางใจ ใน'สนามพระเครื่อง'

สำหรับ พยัพ คำพันธุ์ นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย ที่ประจำอยู่ชั้น 3 ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน นั้น ไม่ขอกล่าวถึงเรื่องมูลค่าและการตีราคาพระเครื่องและพระบูชา ด้วยเหตุมองว่า คนรุ่นเขาและสมาชิกในสมาคมล้วนแล้วแต่มองในเรื่องความศรัทธาเป็นหลัก

สำหรับเขาแล้วการที่สนามพระและสมาคมฯ อยู่ในห้างแล้ว ดูสะอาด สะดวก เรียบร้อยดี เพราะยุคสมัยเปลี่ยนไป หลายคนมาแลกเปลี่ยนความรู้และพูดคุยกันได้ไม่ลำบาก

เดี๋ยวนี้โลกของพระเครื่องเปลี่ยนแปลงไปเยอะ สมัยก่อนการที่จะมาดูพระมีน้อยมาก คนดูน้อยด้วย สถานที่ดูก็น้อย สมัยก่อนจะเรียกสภากาแฟ คนจะเข้าไปจิบกาแฟนั่งคุยกันเรื่องพระ แลกเปลี่ยนความรู้ แต่สมัยปัจจุบันนี้ คนบ้านเราก็ดี ชาวต่างชาติก็มี พากันสนพระเครื่องมาก เพราะฉะนั้นเด็กรุ่นใหม่จะต้องรู้วิธีรักษาดูแล เพราะเป็นสิ่งคู่กับศาสนาเรา ยกตัวอย่างการห้อยพระคุณต้องมีคุณธรรม ไม่ได้ใส่เพื่อโก้ ดูเป็นนักเลง

เด็กๆ คุณพ่อยังสอนการห้อยพระต้องอาราธนา เพื่อเป็นการบอกกล่าวท่าน แล้วตัวเราต้องทำแต่สิ่งที่ดี การห้อยพระไม่ใช่แฟชั่น แต่เด็กสมัยนี้ก็มีนะ มีด้วยกัน 2 อย่าง อย่างแรก เห็นคนอื่นห้อยก็ห้อยด้วย แต่ไม่รู้ห้อยไปเพื่ออะไร บางคนก็ห้อยไปเพื่อความศรัทธา อีกประการก็คือ บ่งบอกถึงศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของคนไทย ซึ่งมูลค่าเหนือไปกว่านั่นก็คือจิตใจ ส่วนการเช่าซื้อตรงนี้นะครับต้องเกิดจากการเสน่หาทั้งสองฝ่าย ไม่มีตัวไหนเป็นตัวกำหนดกฎเกณฑ์ได้

ผู้ที่จะเดินเข้าสู่สนามพระในปัจจุบัน ใช่ว่าแค่สนใจก็พอแล้ว เพราะผู้ชำนาญการทั้งสองคนที่ได้พูดคุยด้วยนั้น ล้วนสั่งสมประสบการณ์ ภูมิความรู้ ทั้งทางศิลปะ ประวัติศาสตร์ และสังคม ในการอ้างอิง เพื่อแยกแยะ จำแนก และบ่งชี้ ว่าชิ้นใดเป็นของแท้ มากไปกว่านั้น หัวใจแห่งความศรัทธาที่ศาสตร์การตลาดอาจไม่สามารถตีค่าได้

ครั้งนี้...จึงขอติดดาวให้กับภูมิความรู้ ประสบการณ์ และใจที่สืบสานศิลปะแห่งพุทธศาสนา ของเหล่าเซียนพระไทยตัวจริง

 

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"