เส้นทางชีวิตของ หนุ่มบิ๊ก-ทองภูมิ สิริพิพัฒน์

รู้จักอีกด้านหนึ่งที่น่าสนใจของนักแสดงหนุ่มจากภาพยนตร์ "อยากได้ยินว่ารักกัน" ในฐานะนิสิตวิศวะฯ รั้วจามจุรี

โดย...อินทรชัย พาณิชกุล

ไม่ว่าใครที่ได้ไปดูภาพยนตร์รักเศร้าซึ้งเรื่อง"อยากได้ยินว่ารักกัน" ผลงานการกำกับของอลงกต เอื้อไพบูลย์ ก็อดไม่ได้ที่จะสงสารและหวั่นไหวไปกับตัวละครเอกที่ชื่อว่า "สอง" ชายหนุ่มผู้ด้อยโอกาสทางความรัก ที่รอคอยแค่คำคำเดียวจากปากของหญิงสาวที่เขามอบใจให้ แต่ดูเหมือนว่า มันช่างยากเย็นซะเหลือเกิน

บิ๊ก-ทองภูมิ สิริพิพัฒน์ ชื่อนี้เป็นที่สนใจของผู้ชมในทันทีที่หนังจบ อาจจะด้วยความหล่อเหลาสไตล์ผู้ชายนัยน์ตาเศร้า มาดยียวนกวนประสาทในบางอารมณ์คะแนนสงสารจากตัวละครผู้อกหั? หรือบทบาทการแสดงที่มัดใจคนดูอะไรก็ตามแต่ วันนี้ไปไหนก็มีแต่คนไถ่ถามด้วยความตื่นเต้นถึงการปรากฏตัวของนักแสดงหนุ่มหน้าใหม่รายนี้

บรรยากาศสลัวมัวหม่นไปด้วยหมอกบางๆกลางกรุงของบ่ายวันหนึ่ง หนุ่มหล่อที่เรารอคอยก็เดินทางมาถึงด้วยท่าทางกระฉับกระเฉงร่าเริงในเสื้อช็อปสีน้ำเงินแบบเด็กวิศวะ เขากำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมทรัพยากรธรณีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

"ผมสนใจเกี่ยวกับเรื่องจิวเวลรีครับ มีความฝันอยากจะทำงานอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับอัญมณี อาจเพราะชอบในความงดงามระยิบระยับของมันก็เลยพยายามเรียนรู้เรื่องแร่ธาตุต่างๆ" บิ๊กเอ่ยถึงความฝันของเขาซึ่งไม่เคยบอกใครที่ไหนมาก่อน

ทองภูมิ สิริพิพัฒน์

แฟนๆ ที่ติดตามผลงานของหนุ่มคนนี้ อาจจะคุ้นชินเขาในบทบาทพิธีกรรายการเพลงช่วงดึกอย่างทูไนท์ไลฟ์ทางช่อง 5 ดีเจแห่งคลื่นเอฟเอ็มแมกซ์พิธีกรรายการวัยรุ่น และผลงานมิวสิกวิดีโอกับโฆษณาหลายตัว ก่อนจะกลายเป็นทอล์ก ออฟเดอะ ทาวน์ หลังมีข่าวคบหาดูใจกับดาราสาวสุดเซ็กซี่ เป้ย-ปานวาด เหมมณี

"ก่อนหน้านี้ผมเป็นศิลปินฝึกหัดของอาร์เอสครับ ก็เรียนด้านแอ็กติงและร้องเพลงอยู่หลายเดือนเหมือนกัน จนผู้ใหญ่เห็นแววว่าพูดเก่งจึงลองให้ไปเทสต์การเป็นพีเจ ซึ่งพอผมทำเดโมการจัดรายการวิทยุไปให้ก็ได้รับการตอบรับว่าผ่าน ก็เลยได้มาจัดรายการวิทยุจะร่วมปีแล้วครับ ส่วนงานพิธีกรผู้ใหญ่เห็นว่ารูปแบบรายการใกล้เคียงกับผมก็เลยมาเทสต์ดู ปรากฏว่าผ่านก็เลยได้มาทำครับ แล้วก็เคยถ่ายมิวสิกวิดีโอ ถ่ายโฆษณา ก่อนจะได้รับโอกาสเล่นหนังเรื่องแรกในชีวิต" ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นประสบการณ์น่าตื่นเต้นของเขา

บิ๊ก เล่าว่า นอกจากผลงานการแสดงและดีเจพิธีกร อย่างที่เห็นในทีวี ตัวเขาเองหลงใหลในการร้องเพลงมาก ชอบฟังและร้องเพลงร็อกมาตั้งแต่เด็กๆ หรือไม่ก็เล่นกลองในวงดนตรีที่เขาและเพื่อนๆ ก่อตั้งขึ้นมา รวมไปถึงเคยเป็นนักร้องของวงซียูแบนด์ของมหาวิทยาลัยด้วย

"สำหรับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ได้จากการเข้ามาในวงการบันเทิง โดยรวมแล้วก็สนุกดีครับ แต่มันก็ไม่สวยงามเลิศหรูอย่างที่ใครๆ คิดไว้ มันสอนเราเยอะเหมือนกันทั้งในเรื่องการวางตัวในการเข้าสังคม การบริหารจัดการเวลา การควบคุมความเครียด"

"อีกอย่างหนึ่งที่เจอกับตัวอย่างที่ไม่คิดมาก่อนคือการที่ตัวเองตกไปอยู่ในข่าวฉาวๆ ไม่สร้างสรรค์ก็รู้สึกแย่ครับ บางครั้งก็รับไม่ได้เหมือนกัน เวลาอ่านข่าวตัวเองในอินเทอร์เน็ตแล้วพบกับคนที่มาโพสต์ความคิดเห็นแรงๆ หยาบคาย ผมโชคดีที่ศึกษาธรรมะมาตั้งแต่เด็ก เข้าวัดเข้าวากับครอบครัว เลยไม่สะทกสะท้านมากเท่าไหร่ คิดซะว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นภาพลวงตา เป็นเรื่องที่คนเราปรุงแต่งมันขึ้นมา ถึงจุดหนึ่งมันก็จะสลายไปเอง"

"อย่างเวลาเจอปัญหาชีวิต เจออะไรที่มันไม่เข้าท่ามากระทบเรา ก็จะใช้วิธีดูสภาวะจิต ยกตัวอย่างเวลาเราทำอะไรผิดพลาดหรือไม่ดี สิ่งพวกนี้มันเป็นสิ่งปรุงแต่ง เมื่อเราตระหนักรู้ รู้ตัวเอง มันก็จะตัดหายไปเอง แล้วทุกอย่างก็จะว่างเปล่า มีคำสอนของหลายท่านที่ผมอ่าน อย่างหนังสือของหลวงปู่ดูลย์อตุโล หลวงปู่ชา สุภัทโท หนังสือเหล่านี้ช่วยผมได้มากครับ" เขายิ้มบางๆ

บิ๊ก กล่าวเสริมว่า ชีวิตในยามว่างเป็นไปอย่างปกติธรรมดา ไม่หวือหวา เพราะปกติแล้วตัวเขาเองไม่ใช่มนุษย์สังคม ไม่นิยมออกงานสังสรรค์ ชอบอยู่คนเดียวหรือกับเพื่อนกลุ่มเล็กๆ เงียบๆ มากกว่าเล่นดนตรี ตีปิงปอง (ที่เคยเป็นนักกีฬาสมัยเด็กๆ)เรียนหนังสือ กินข้าว แล้วก็กลับบ้านแค่นั้น

"ช่วงนี้งานเข้ามาเยอะ" เขาลากเสียงยาว "ก็ต้องบริหารจัดการเวลาให้ดีระหว่างชีวิตส่วนตัวงาน และการเรียน ถ้าถามว่าจะเอาดีในวงการบันเทิงไหม ก็คงตอบว่าไม่ ยังไงผมก็ยังอยากสร้างความมั่นคงจากสิ่งที่ผมรัก นั่นก็คืองานเกี่ยวกับจิวเวลรีคิดถึงอนาคตตัวเองและครอบครัวก่อน ตอนนี้ผมกำลังต่อสู้หาทางอยู่ครับ แต่งานบันเทิงนั้นถ้าเกิดวันหนึ่งผมเกิดหกล้มหน้าแหกขึ้นมาทุกอย่างก็จบ ท้ายที่สุดแล้วความรู้ที่เราร่ำเรียนมาตลอดนี่แหละที่จะติดตัวเราไปทั้งชีวิต ไม่ใช่ความหล่อหรือชื่อเสียงฉาบฉวย" เป็นคำกล่าวหนักแน่นของนักแสดงหนุ่มผู้มีความคิดความอ่านไม่ธรรมดา

ติดตามกันต่อไปกับเส้นทางชีวิตอันน่าสนใจของหนุ่มหล่อ บิ๊ก-ทองภูมิสิริพิพัฒน์