จบสวย! 14 ยักษ์ทองคำดีล ธปท. ลงตัว เตรียมปรับเทรดระบบดอลลาร์ มั่นใจราคาทะยานสู่ 5,000 เหรียญฯ
"พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์" ซีอีโอ YLG เผยผลเจรจาระหว่าง 14 ผู้ค้าทองรายใหญ่และแบงก์ชาติชื่นมื่น หลังยอมรับหลักการขยายเวลาส่งรายงานธุรกรรม บวกโซลูชัน "ปรับแพลตฟอร์มเทรดออนไลน์เป็นสกุลเงินดอลลาร์" เพื่อลดแรงกดดันค่าเงินบาท พร้อมประเมินทิศทางปี 2569 สดใส ไร้สัญญาณฟองสบู่ เหตุธนาคารกลางทั่วโลกแห่ถือครองทองคำแทนดอลลาร์ มั่นใจเป้าหมาย 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
KEY
POINTS
- ซีอีโอ YLG เผยผลเจรจาระหว่าง 14 ผู้ค้าทองรายใหญ่และแบงก์ชาติชื่นมื่น หลังยอมรับหลักการขยายเวลาส่งรายงานธุรกรรม
- บวกโซลูชัน "ปรับแพลตฟอร์มเทรดออนไลน์เป็นสกุลเงินดอลลาร์" เพื่อลดแรงกดดันค่าเงินบาท
- ประเมินทิศทางปี 2569 สดใส ไร้สัญญาณฟองสบู่ มั่นใจเป้าหมาย 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ปฐมบท : เมื่อทองคำกลายเป็น "รถไฟเหาะ" ที่หยุดไม่อยู่
ในปี 2568 โลกต้องจารึกว่าคือปีที่ราคาทองคำร้อนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีการทำ New High (ราคาสูงสุดใหม่) มากถึง 50 ครั้ง ตลอดทั้งปี
- ม.ค.2568 เปิดฉากราคาทองคำแท่งในตลาดโลกที่ 2,632 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่งในประเทศเปิดตลาดเมื่อต้นปีที่ 42,650 บาทต่อบาททองคำ
- เม.ย.2568 ราคาทองคำพุ่งทะลุ 3,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ราคาทองคำในประเทศทะลุ 50,000 บาท ราคาทองคำทำ New High ไปแล้ว 19 ครั้งในช่วง 4 เดือนแรก
- ต.ค.2568 ราคาทะลุ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 61,000 บาท ทำ New High สะสมรวมกว่า 40 ครั้งใน 10 เดือน
- ธ.ค.2568 (ณ วันที่ 26 ธ.ค.) ราคาทองคำยังพุ่งแรงส่งท้ายปีไปแตะที่ 4,531 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือราว 66,200 บาท
รวมทั้งปี 2568 ทำ New High สะสมรวมกว่า 50 ครั้งในปีเดียว มากกว่าปี 2567 ที่ทั้งปีทำ New High เกือบ 40 ครั้ง
ความร้อนแรงนี้ไม่ได้มีแค่ตัวเลขที่เพิ่มขึ้น แต่ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อ "ค่าเงินบาท" ของไทย
ขณะที่นักลงทุนยิ้มแก้มปริ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กลับกังวลหนัก เพราะกระแสการเก็งกำไรทองคำผ่านแอปพลิเคชันและการขายดอลลาร์เพื่อมาซื้อบาทเทรดทอง ทำให้ "เงินบาทแข็งค่า" อย่างผิดปกติ ส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกโดยไม่มีผลบวกต่อจีดีพี
จนนำมาสู่มาตรการสกัด 3 ข้อใหญ่ ได้แก่ การส่งข้อมูลธุรกรรมให้สรรพากร, การพิจารณาภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับการขายทองออนไลน์ และการจำกัดวงเงินการซื้อขาย
"พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ยอมรับกับ "โพสต์ทูเดย์" ว่า บรรยากาศในช่วงแรกๆในการเจรจาค่อนข้างเครียด เพราะ ธปท. ต้องการข้อมูลละเอียดรายธุรกรรม เช่น รายการซื้อขายเช้าวันเดียวมีกี่รายการ โดยไม่ระบุชื่อ
แต่ฝั่งร้านทองกังวลเรื่องกฎหมาย PDPA และภาระการปฏิบัติงานที่หนักอึ้ง โดยเฉพาะบริษัทขนาดเล็กที่ต้องแบกต้นทุนเพิ่มและคนเพื่อเตรียมเอกสาร
ทางออก "Win-Win" และการปฏิวัติด้วย "USD Platform"
หลังจากเผชิญหน้ากันกว่า 4-5 รอบ ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปแบบ "Happy Ending" ที่เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส
1. ผ่อนปรนเรื่องเวลา: ปรับการส่งเอกสารจากที่เข้มงวดเป็น T+3 สำหรับรายงาน FX และสูงสุด T+7 สำหรับเอกสารนำเข้า-ส่งออก เพื่อให้ร้านทองทำงานได้จริง
2. นวัตกรรมเทรดด้วยดอลลาร์: นี่คือไม้เด็ดที่ร้านทองเสนอ คือการปรับระบบเทรดออนไลน์ให้ใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) แทนเงินบาท ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อค่าเงินบาทโดยตรง
3. แยกกลุ่มลูกค้าชัดเจน:
- สายสะสม (Physical): เดินเข้าร้าน ซื้อทองจริง ออมทองทั่วไป ยังใช้ "เงินบาท" เหมือนเดิม
- สายเก็งกำไร (Day Traders): กลุ่มที่เทรดส่วนต่างราคา จะต้องโยกไปเทรดด้วย "USD" เพื่อลดความผันผวนของค่าเงิน
ระบบใหม่นี้คาดว่าจะพร้อมใช้งานภายใน 6 เดือน โดยจะมีการประชุมสรุปความชัดเจนอีกครั้งในวันที่ 6 มกราคม 2569
ทองคำปี 2569 วิ่งสู้เป้า 5,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
คุณพวรรณ์ มองว่าปี 2569 ทองคำยังเป็นเทรนด์ "ไซด์เวย์อัพ" โดยมีปัจจัยหนุนรอบด้าน ทั้ง นโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์, ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ และภาวะฟองสบู่ในหุ้นเทคฯ (AI)
เป้าหมายถัดไปคือ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และ JP Morgan ยังมองไปไกลถึง 5,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยที่ยังไม่เห็นสัญญาณฟองสบู่ในทองคำ เนื่องด้วยธนาคารกลางทั่วโลกยังคงแห่สะสมทองคำเพื่อลดความเสี่ยงจากดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม แม้ผลตอบแทนทองคำจะสูงถึง 70% และซิลเวอร์สูงกว่า 100% แต่คำแนะนำทิ้งท้ายคือ "อย่าลงทุนตามแฟชั่น" นักลงทุนต้องมีวินัย รอจังหวะราคาย่อตัว
และต้องศึกษาหาความรู้ เพราะ "การปล่อยให้เงินทำงานเฉยๆไม่มีจริง เราต้องทำงานให้มันด้วย."


