นักวิชาการ ฝากการบ้านรัฐบาลใหม่ เลิกแจกเงิน เร่งแก้โครงสร้างเศรษฐกิจไทย
เศรษฐกิจไทยโตต่ำต่อเนื่องไม่ใช่ปัญหาระยะสั้น ดร.นณริฏ นักวิชาการ ทีดีอาร์ไอ แนะรัฐบาลใหม่เลิก แจกเงิน ชี้ไม่ตอบโจทย์ เร่งปฏิรูปโครงสร้าง เพิ่มทักษะแรงงาน ฟื้นขีดความสามารถประเทศ
KEY
POINTS
- นักวิชาการเสนอให้รัฐบาลใหม่ยกเลิกนโยบายประชานิยมแบบแจกเงิน เพราะไม่ช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาวและไม่ส่งเสริมการพัฒนาทักษะของประชาชน
- เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างที่สะสมมานาน เช่น สังคมสูงวัย หนี้ครัวเรือนสูง และขีดความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง
- รัฐบาลควรหันมาให้ความสำคัญกับการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างจริงจัง แทนการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่ไม่ยั่งยืน
เศรษฐกิจไทยที่เติบโตต่ำต่อเนื่อง ไม่ใช่ปัญหาระยะสั้นที่แก้ได้ด้วยการ “แจกเงิน” แต่เป็นสัญญาณเตือนถึงจุดอ่อนเชิงโครงสร้างที่สะสมมานาน และกำลังท้าทายรัฐบาลใหม่ในปี 2569 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดร.นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโสจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ให้มุมมอง กับโพสต์ทูเดย์ว่า รัฐบาลควรยกเลิกนโยบายประชานิยมในรูปแบบการแจกเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากไม่ช่วยยกระดับขีดความสามารถของประเทศในระยะยาว อีกทั้งอาจทำให้ประชาชนมองข้ามความจริงสำคัญว่าโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
“ส่วนตัวเห็นว่า ภาครัฐควรเลิกนโยบายประชานิยมแจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้ประชาชนหลงลืมไปว่า โลกมีการหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไป มีความท้าทายทุกคนจำเป็นต้อง เก่งขึ้น ขยันขึ้น และมีทักษะสูงขึ้น ไม่ใช่ทำงานรูปแบบเดิมๆแล้วคาดหวังว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นได้เอง”
ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจไทยมีจุดอ่อนจำนวนมากที่นำไปสู่ความเสี่ยงในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจไทยยังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างรอบด้าน ตั้งแต่สังคมสูงวัย อัตราการเกิดที่ลดลง คุณภาพการศึกษาที่ไม่สอดคล้องกับตลาดแรงงาน แรงงานวัยทำงานที่อายุมากขึ้นแต่ขาดทักษะใหม่ ไปจนถึงผู้สูงอายุที่ขาดการเตรียมความพร้อมด้านการเงินหลังเกษียณ
แม้ผู้สูงอายุจำนวนมากยังมีศักยภาพในการทำงาน แต่กลับขาดโอกาสและระบบรองรับ ขณะที่ระบบดูแลผู้สูงอายุเริ่มเข้าใกล้ขีดจำกัด ภาคครัวเรือนยังมีหนี้สูง ภาคเกษตรขาดความสามารถแข่งขันด้วยตนเอง ธุรกิจ SMEs อ่อนแอ และโครงสร้างเศรษฐกิจถูกครอบงำโดยธุรกิจรายใหญ่ที่มีลักษณะผูกขาด
นอกจากนี้ ยังมีโจทย์ใหญ่จากภาครัฐที่มีขนาดใหญ่แต่งบลงทุนต่ำ กฎระเบียบล้าสมัย หนี้สาธารณะระดับสูง ความสามารถแข่งขันด้านการส่งออกที่ลดลง การนำเข้าสูงจนเงินไหลออกจำนวนมาก รวมถึงภาคท่องเที่ยวที่เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว


