ปัดฝุ่น “Options ช่วยชาติ” ลดเงินบาทผันผวนท่ามกลางเทรดทองเดือด

การซื้อขายทองคำผ่านแอปพลิเคชัน โดยเฉพาะในรูปแบบ Paper Trade หรือการซื้อขายทองคำบนกระดาษที่ไม่มีการส่งมอบทองคำจริงในทันที ซึ่งจากการเปิดเผยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่าธุรกรรมจากผู้ประกอบการทองคำรายใหญ่เพียง 3-4 ราย มีมูลค่าพุ่งสูงขึ้นอย่างมหาศาลจนคิดเป็นประมาณ 50% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)

มูลค่าธุรกรรมที่สูงขนาดนี้ส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเมื่อราคาทองคำในตลาดโลกมีความผันผวนสูง ความผันผวนดังกล่าวจะส่งผ่านไปยังค่าเงินบาทโดยตรง 

ด้วยเหตุนี้ ธปท. จึงได้หารือร่วมกับกระทรวงการคลังเพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน และอยู่ในช่วงเปิดรับฟังความคิดเห็น โดยจะมีการหารือและชี้แจงแนวทางการรายงานข้อมูลแก่ร้านทอง คาดเกิดขึ้นช่วงต้นสัปดาห์หน้า เพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแล 

มาตรการรายงานข้อมูลเพื่อความโปร่งใส กลไกสำคัญที่ ธปท. เสนอคือ การกำหนดให้ผู้ค้าทองคำรายใหญ่ต้องรายงานข้อมูลธุรกรรมที่เกี่ยวข้องให้ ธปท. รับทราบ 

ทั้งนี้ เพื่อให้หน่วยงานกำกับดูแลสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามธุรกรรมที่เกิดขึ้นจริงในตลาด ประเมินผลกระทบต่อค่าเงินบาทได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น และพิจารณานโยบายที่เหมาะสมเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ

มุมมองนักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน 

“พูน พานิชพิบูลย์” นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ให้ความเห็นกับ “โพสต์ทูเดย์” ในเชิงสนับสนุนแนวทางนี้ โดยระบุว่า การยกระดับการติดตามข้อมูลจะช่วยลดทอนความผันผวนของเงินบาทที่เกิดจากราคาทองคำ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกอบการทั่วไปสามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

“เห็นด้วยที่ ธปท.จะมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน โดยเสนอให้ผู้ค้าทองคำรายใหญ่ต้องรายงานข้อมูลธุรกรรมที่เกี่ยวข้องให้ ธปท.รับทราบ จะได้ช่วยลดทอนผลกระทบของราคาทองคำต่อเงินบาท โดยเฉพาะในส่วนของความผันผวน เพราะเราเองก็พบว่า ช่วงที่ทองคำผันผวนสูง ๆ ก็ส่งผ่านมายังเงินบาทด้วย”

นอกจากนี้ ยังมีการเสนอให้ ธปท. สนับสนุนเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่หลากหลายขึ้น เช่น Options ทั้งผ่านธนาคารพาณิชย์หรือตลาด TFEX โดยเฉพาะการผลักดันให้รื้อฟื้นโครงการ “Options ช่วยชาติ” กลับมาอีกครั้ง 

สำหรับโครงการ “Options ช่วยชาติ” ในอดีตเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและธนาคารพาณิชย์เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ให้เข้าถึงการประกันค่าเงิน ผ่านการสนับสนุนวงเงินค่าธรรมเนียม (Option premium) และการให้ความรู้ด้านการบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน โครงการนี้เปิดตัวระยะที่ 1 ในปี 2560 จนมาถึงระยะที่ 3 ซึ่งจบไปเมื่อปี 2564 

ในสภาวะปัจจุบันที่ความผันผวนอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบปี จึงถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการนำเครื่องมือเหล่านี้กลับมาสนับสนุนผู้ประกอบการเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อความผันผวนในอนาคต