posttoday

บสย.โชว์ 11 เดือนค้ำสินเชื่อกว่า 3.5 หมื่นลบ. ชู 4 กลยุทธ์ ปี69 พลิกโฉม SMEs

12 ธันวาคม 2568

บสย.โชว์ผลงาน 11 เดือน ค้ำประกันสินเชื่อ 35,781 ล้านบาท หนุนผู้ประกอบการ 45,337 ราย ดันมาตรการ “Quick Big Win” วงเงิน 5 หมื่นล้าน เติมสภาพคล่องธุรกิจเร่งด่วน เดินหน้า 4 กลยุทธ์ยกระดับ SMEs

KEY

POINTS

  • บสย. เผยผลงาน 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย. 68) ค้ำประกันสินเชื่อให้ SMEs ไปแล้วกว่า 35,781 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการกว่า 45,000 รายเข้าถึงสินเชื่อ
  • เตรียม 4 กลยุทธ์หลักสำหรับปี 2569 เพื่อพลิกโฉมการช่วยเหลือ SMEs ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายและเป็นรูปธรรมมากขึ้น
  • กลยุทธ์สำคัญประกอบด้วยการใช้ TCG Score บูรณาการข้อมูล, ยกระดับสำนักงานเขต, พัฒนาผลิตภัณฑ์ค้ำประกันเฉพาะกลุ่ม และเดินหน้ามาตรการแก้หนี้ให้กลุ่มเปราะบาง

นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยถึง ผลดำเนินงาน 11 เดือน ปี 2568 (ม.ค.- พ.ย.) โดยมียอดค้ำประกันสินเชื่อรวม 35,781 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการค้ำประกันสินเชื่อ ดำเนินโครงการโดบ บสย. 51% และโครงการตามมาตรการรัฐ 49% ซึ่งก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน 46,635 ล้านบาท และสามารถช่วย SMEs ได้รับสินเชื่อเพิ่มขึ้น 45,337 ราย สามารถรักษาจ้างงาน 467,249 ตำแหน่ง และสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจการค้ำประกันได้มากกว่า 147,776 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังช่วยเหลือกลุ่ม เปราะบาง ผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้า แม่ค้า อาชีพอิสระ สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้มากขึ้น พบว่า 85% เป็นกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย (Micro SMEs) และสามารถช่วยกลุ่มที่ไม่เคยใช้บริการ บสย. (ลูกค้าใหม่) เข้าถึงสินเชื่อเป็นสัดส่วนถึง 70% ของจำนวน SMEs ที่ บสย. ค้ำประกันตลอด 11 เดือนที่ผ่านมา

สำหรับโครงการ ภายใต้มาตรการรัฐ PGS 11 “บสย. SMEs ยั่งยืน” ตั้งแต่เปิดโครงการ (ก.ค. 2567 – 30 พ.ย. 2568) บสย. ค้ำประกันสินเชื่อแล้ว 46,147 ล้านบาท ช่วย SMEs 66,821 ราย เฉพาะโครงการค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะ “กระบะพี่มีคลังค้ำ” และ “กระบะ (มือสอง) พี่มีคลังค้ำ” มียอดค้ำประกัน 1,106 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการเข้าถึงรถกระบะเชิงพาณิชย์ 1,662 คัน นับเป็นครั้งแรกในรอบ 34 ปีที่ บสย. ขยายการค้ำประกันไปยังกลุ่มรถกระบะ เพื่อหนุน SMEs รายย่อย อาชีพอิสระ เกษตรกร และธุรกิจขนส่งขนาดเล็กให้มีเครื่องมือทำกินง่ายขึ้น

โดย ปี 2569 บสย. เตรียมวงเงินรองรับ ประมาณ 3,700 ล้านบาท และจะปิดรับคำขอค้ำประกันวันที่ 30 ธันวาคม 2569

สำหรับ ประเภทธุรกิจค้ำประกันสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. การบริการ 33.2% 2. อาหารและเครื่องดื่ม 10.3% 3. เกษตรกรรม 7.9%

ทั้ง 3 อุตสาหกรรมมีสัดส่วนค้ำประกัน 51% สะท้อนทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมหลักในประเทศ ที่ได้รับอานิสงส์จากความต้องการสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุนที่ขยายตัวช่วงไฮซีซั่น

บสย. ยังประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือ SMEs ลูกหนี้ที่ บสย. จ่ายเคลม ผ่านมาตรการ “บสย. พร้อมช่วย” หรือมาตรการ 3 สี (ม่วง เหลือง เขียว) โดยตั้งแต่ออกมาตรการในปี 2565 ถึงปัจจุบัน สามารถช่วยลูกหนี้ที่ถูกจ่ายเคลมไปแล้วถึง 23,664 ราย คิดเป็นมูลหนี้สะสม 15,439 ล้านบาท (เฉพาะ ม.ค.–พ.ย. 2568 ปรับโครงสร้างหนี้ 5,250 ราย คิดเป็นมูลหนี้ 3,588 ล้านบาท) และสามารถช่วยลูกหนี้ “ปลดหนี้” 882 ราย เกือบ 50% เป็นกลุ่มเปราะบาง เงินต้นไม่เกิน 2 แสนบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 34 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้ง บสย.

ทั้งนี้ จากความผันผวนทางเศรษฐกิจ และปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นตลอดปีนี้ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ SMEs โดยเฉพาะปัญหาสภาพคล่องและการเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนในระบบ สะท้อนจากสภาพสินเชื่อ SMEs ที่หดตัวต่อเนื่อง

จากสภาพดังกล่าวเป็นที่มาของนโยบายรัฐบาล โดยกระทรวงการคลังเปิดตัวมาตรการค้ำประกันสินเชื่อ “บสย. Quick Big Win” วงเงินค้ำประกัน 50,000 ล้านบาท จากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 เพื่อเติมสภาพคล่องให้ SMEs อย่างเร่งด่วน ประกอบด้วย 3 โครงการ ได้แก่

1) SMEs Quick LG
2) SMEs Go Big
3) SMEs Smart Win

ทิศทาง บสย. ปี 2569 ชู 4 กลยุทธ์หลัก พลิกโฉมการช่วยเหลือ SMEs ให้จับต้องได้เป็นรูปธรรม ดังนี้

1. บูรณาการข้อมูล “TCG Score” เชื่อมข้อมูล บสย. กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามนโยบายกระทรวงการคลัง เพื่อเพิ่มโอกาสให้ SMEs รายย่อยและผู้ประกอบการตัวเล็กที่เข้าถึงสินเชื่อยาก สามารถกู้เงินในระบบได้ง่ายขึ้น พร้อมได้รับต้นทุนทางการเงินที่สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงจริง

2. ยกระดับสำนักงานเขต 11 แห่งเป็น “ศูนย์กลางทางการเงิน”
เดินหน้าระบบ Digital Branch in Branch เชื่อมต่อสถาบันการเงินต่าง ๆ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยพัฒนาแอปพลิเคชันนำข้อมูล SMEs ที่รับคำปรึกษาที่สำนักงานเขตหรือผ่าน LINE OA @tcgfirst มาคัดกรองด้วยระบบ Credit Scoring ของ บสย. ก่อนส่งต่อให้สถาบันการเงินที่เหมาะสม ช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อให้ผู้ประกอบการมากขึ้น

3. พัฒนาผลิตภัณฑ์ค้ำประกันเฉพาะกลุ่ม (Specific Segment Guarantee) ต่อยอดจากผลิตภัณฑ์แบบ Product by Segment เดิม 5 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ได้รับผลกระทบเศรษฐกิจ ผู้ต้องการเงินลงทุนขยายธุรกิจ กลุ่มเปราะบาง พ่อค้า–แม่ค้า / Startup ธุรกิจปรับตัวสู่สังคมคาร์บอนต่ำ กลุ่มต้องการใช้รถกระบะเป็นเครื่องมือทำกิน บสย. จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ค้ำประกันที่เจาะจงยิ่งขึ้นตามความต้องการของแต่ละกลุ่ม SMEs เพื่อเป็น “กลไกค้ำประกันหลัก” ที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการอย่างแท้จริง

4. เดินหน้าแก้หนี้ “กลุ่มเปราะบาง” (มาตรการ บสย.พร้อมช่วย – 3 สี ม่วง/เหลือง/เขียว) ช่วยลูกหนี้ที่ บสย. จ่ายเคลมเงินต้นไม่เกิน 200,000 บาท โดยเน้นยืดเวลาผ่อน ตัดเงินต้นเพิ่ม และลดหนี้สูงสุด 30% ช่วย Micro SMEs พ่อค้า–แม่ค้า และอาชีพอิสระ ปลดหนี้ได้ง่ายขึ้น สอดคล้องนโยบายรัฐ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” มุ่งช่วยรายย่อยแก้หนี้อย่างยั่งยืน

ข่าวล่าสุด

คนละครึ่งพลัส เฟส 2 แท้ง ฉุด GDP ไตรมาส1/69 ชะลอ ส่อเบิกจ่ายงบรัฐล่าช้า