พิชัย ห่วงน้ำท่วมใต้ฉุดเศรษฐกิจทรุด ไทยเสี่ยงถดถอยหนัก
พิชัย ห่วงน้ำท่วมใต้ซ้ำเติมเศรษฐกิจไทย เสี่ยงถดถอย จี้เร่งฟื้นส่งออก–กันแรงกระแทกภาษีสหรัฐ พร้อมชื่นชมปลดล็อกอุตสาหกรรมอนาคต
KEY
POINTS
- นายพิชัย นริพทะพันธุ์ กังวลว่าปัญหาน้ำท่วมภาคใต้จะซ้ำเติมเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และอาจฉุด GDP ไตรมาส 4 ให้โตต่ำกว่า 1% ทำให้ไทยเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
- เศรษฐกิจไทยยังเผชิญปัจจัยลบอื่น ๆ เช่น การส่งออกเดือนตุลาคมที่ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 13 เดือน การขาดดุลการค้าสูง และความเสี่ยงจากการที่สหรัฐฯ พักการเจรจาการค้า
- เสนอให้รัฐบาลเร่งฟื้นฟูการส่งออกให้ได้ตามเป้าหมาย ผลักดันการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ และพยุงราคาสินค้าเกษตรเพื่อประคองเศรษฐกิจ
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แสดงความกังวลต่อผลกระทบจากมหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 170 ราย และสร้างความเสียหายหนักต่อบ้านเรือน ธุรกิจ และระบบเศรษฐกิจในภาพรวม โดยระบุว่าสถานการณ์ครั้งนี้จะยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแรงอยู่แล้ว และอาจกดตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ให้ขยายต่ำกว่า 1% หลังไตรมาส 3 ขยายเพียง 1.2% เสี่ยงนำไปสู่ภาวะ เศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค หาก GDP ติดลบต่อเนื่อง 2 ไตรมาส
ด้าน การส่งออกเดือนตุลาคม 2568 ขยายตัวเพียง 5.7% ต่ำสุดในรอบ 13 เดือน ขณะที่การนำเข้าไม่ลดลง ทำให้ขาดดุลการค้าสูงถึง 3.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จึงเสนอให้เร่งฟื้นการส่งออกให้เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งทั้งปี 2568 ควรขยายได้อย่างน้อย 11-12% และปีหน้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเพื่อพยุงเศรษฐกิจไทย
นายพิชัยเตือนว่าควรรีบผลักดันให้ USTR ยืนยันกลับมาเจรจาการค้าอย่างเป็นทางการ หลังสหรัฐประกาศพักการเจรจา เพราะหากมีการขึ้น Tariff กับไทยจะกระทบหนัก เนื่องจากไทยส่งออกไปสหรัฐ ราว 2 ล้านล้านบาทต่อปี หรือเกือบ 20% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด พร้อมเตือนว่าการสื่อสารที่สร้างภาพว่าสหรัฐต้องง้อไทยอาจส่งผลลบต่อความสัมพันธ์ทางการค้า
ในส่วนสินค้าเกษตร นายพิชัยระบุว่าแม้ข้าวหอมมะลิยังมีราคาดี 15,000–16,500 บาทต่อตัน แต่ราคาข้าวเปลือกเจ้ายังต่ำมากเพียง 6,100–6,800 บาทต่อตัน และควรเร่งมาตรการดันราคากลับสู่ระดับ 8,800–9,000 บาทต่อตัน พร้อมกำชับว่ากระทรวงพาณิชย์ต้องดูแลราคาสินค้าบริโภคในพื้นที่น้ำท่วมตามนโยบาย “ห้ามขาด ห้ามแพง” หลังพบราคาตั๋วเครื่องบิน กรุงเทพฯ–หาดใหญ่ และอุปกรณ์ทำความสะอาดพุ่งสูงขึ้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม นายพิชัยชื่นชมรัฐบาลและคณะเศรษฐกิจที่เดินหน้า ปลดล็อกอุตสาหกรรมอนาคต อาทิ Data Center, AI, พลังงานสะอาด, เซมิคอนดักเตอร์, อิเล็กทรอนิกส์ และ EV ผ่านมาตรการ Thailand FastPass ซึ่งจะช่วยเร่งการลงทุนจากต่างประเทศหลายแสนล้านบาท และในอนาคตอาจถึงระดับหลายล้านล้านบาท
นายพิชัยทิ้งท้ายว่า หากประเทศไทยต้องการพัฒนาอย่างมั่นคง ต้องเร่งทั้ง การขยายตัวของการส่งออก และ การดึงการลงทุนสมัยใหม่จากต่างประเทศ เพื่อสร้างรายได้ใหม่และทำให้เศรษฐกิจไทยแข่งขันได้ในระยะยาว


