สศอ. ลุยดันไทยขึ้น "ฮับฮาลาลอาเซียน" ปีนี้ ชู 5 อุตสาหกรรมโดดเด่นแข่งขันได้

นายศุภกิจ บุญศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยในงานสัมมนา 55th Nation Group Forum ภายใต้หัวข้อ “Thailand’s New Prospect: The Global Halal Economy” ว่า อุตสาหกรรมฮาลาลถือเป็น “โอกาสใหม่” ของเศรษฐกิจไทย เนื่องจากตลาดโลกมีขนาดใหญ่และเติบโตต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าสูงถึง 1.36 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ครอบคลุมทั้งสินค้าและบริการ เช่น อาหาร ยา เครื่องสำอาง การท่องเที่ยว และบริการธุรกิจ ซึ่งมีผู้บริโภคมุสลิมทั่วโลกกว่า 1,900 ล้านคน ขณะที่ปัจจุบันตลาดฮาลานไม่ได้จำกัดอยู่แต่กลุ่มมุสลิมเท่านั้น

ขณะที่ปัจจุบัน ไทยมีส่วนแบ่งตลาดฮาลาลโลกเพียง 1.6% หรือมูลค่าประมาณ 8,850 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ตลาดโลกเติบโตเฉลี่ย 6–8% ต่อปี ไทยจึงมีช่องว่างทางศักยภาพมหาศาลในการขยายตลาด โดยเฉพาะใน 5 อุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีความโดดเด่นและแข่งขันได้ในตลาดฮาลาลโลก ได้แก่

1.อาหารเกษตร

2.สมุนไพรและเวชสำอาง

3.เครื่องสำอางและแฟชั่น

4.ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากพืช

5.เนื้อสัตว์ฮาลาล 

สศอ.ได้จัดทำ แผนปฏิบัติการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2570–2574) เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมฮาลาลไทยให้ก้าวสู่มาตรฐานระดับโลก ตั้งเป้าเพิ่มอัตราการเติบโตของภาคฮาลาลไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี พร้อมเสริมขีดความสามารถการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยสาระสำคัญของแผนจะประกอบด้วย

1.ยกระดับมาตรฐานฮาลาลสู่ระดับสากล ผ่านการพัฒนาและรับรองคุณภาพสินค้าและบริการ

2.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และนิคมอุตสาหกรรมฮาลาลเฉพาะทาง เพื่อดึงดูดการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

3.วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี - นวัตกรรมฮาลาล ครอบคลุมระบบตรวจสอบผลิตภัณฑ์และเทคนิคการผลิต

3.เสริมศักยภาพบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านฮาลาล รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรม

4.ขยายตลาดผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซ พร้อมผลักดันการจัดแสดงสินค้าในเวทีนานาชาติ

“สศอ.ตั้งเป้าผลักดันให้ไทยก้าวขึ้นเป็น ฮับฮาลาลของอาเซียน ภายในปีนี้ เพื่อยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการฮาลาลไทยให้เทียบเท่าสากล ครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบรับรองมาตรฐาน การวิจัยนวัตกรรม ไปจนถึงการพัฒนาบุคลากรเชี่ยวชาญด้านฮาลาล” นายศุภกิจ กล่าว

นอกจากนี้ สศอ.ยังผลักดันความร่วมมือระหว่างประเทศ ทั้งในระดับอาเซียนและโลก ผ่านการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับประเทศมุสลิมหลัก เช่น ซาอุดีอาระเบีย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย รวมถึงการเชื่อมโยงภาคเอกชนไทยเข้ากับนักลงทุนและผู้ประกอบการในตลาดฮาลาลทั่วโลก

“กระทรวงอุตสาหกรรมมุ่งมั่นเปิดประตูอุตสาหกรรมฮาลาลไทยสู่ตลาดโลก เสริมความร่วมมือในทุกระดับ เพื่อให้ไทยสามารถยืนแนวหน้าในเศรษฐกิจฮาลาลที่ยั่งยืน และเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกยุคใหม่” นายศุภกิจ กล่าว