คลังดัน “คนละครึ่งพลัส” เข้าครม.พรุ่งนี้ ครอบคลุม 20 ล้านคน รับสูงสุด 2,400 บ.
เอกนิติ รมว.คลัง เผยเตรียมเสนอ ครม.เตรียมเคาะ “คนละครึ่งพลัส” แจกเงินสูงสุด 2,400 บาทต่อคน ครอบคลุม 20 ล้านราย เริ่มใช้จ่ายผ่านแอปเป๋าตังได้ 29 ต.ค. นี้
KEY
POINTS
- กระทรวงการคลังเตรียมเสนอโครงการ "คนละครึ่งพลัส" เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (7 ต.ค. 68) เพื่อเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี
- โครงการตั้งเป้าช่วยเหลือประชาชน 20 ล้านคน โดยมอบเงิน 2,000 บาทสำหรับผู้ลงทะเบียนทั่วไป และสูงสุด 2,400 บาทสำหรับผู้ที่อยู่ในระบบภาษี
- จะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ระหว่างวันที่ 20-26 ต.ค. 68 และเริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. 68
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 7 ตุลาคม 2568 กระทรวงการคลังเตรียมเสนอให้อนุมัติโครงการ “คนละครึ่งพลัส” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี โดยใช้วงเงินรวม 44,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบกระตุ้นเศรษฐกิจประจำปี 2569 จำนวน 25,000 ล้านบาท และงบกลางเพิ่มเติมอีก 19,000 ล้านบาท
“คลังจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาโครงการ คนละครึ่งพลัส ในวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการ Quick Big Win ที่ถือเป็นเสาหลักแรกของรัฐบาลในการฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะสั้นช่วงไตรมาสที่ 4 โดยมีเป้าหมายเพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายย่อยมีทักษะในการใช้งานแอปพลิเคชันมากยิ่งขึ้น” นายเอกนิติ กล่าว
ทั้งนี้ โครงการนี้ครอบคลุมประชาชน 20 ล้านคน โดยแบ่งการแจกเงินออกเป็น 2 กลุ่ม
- ผู้ลงทะเบียนทั่วไป จะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐ 2,000 บาท ผ่านแอปเป๋าตัง
- ผู้ที่อยู่ในระบบภาษี จะได้รับเพิ่มเป็น 2,400 บาท เพื่อจูงใจให้เข้าสู่ระบบภาษี
นายเอกนิติระบุว่า คนละครึ่งพลัส เป็นหนึ่งในมาตรการเร่งด่วน (Quick Big Win) ที่รัฐบาลวางเป็น “เสาหลัก” ของการฟื้นเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 พร้อมกับช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน และส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีของร้านค้ารายย่อย
ไทม์ไลน์โครงการคนละครึ่งพลัส
- 15 ตุลาคม 2568: เปิดให้ร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ
- 20–26 ตุลาคม 2568: เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนผ่านแอป "เป๋าตัง"
- 29 ตุลาคม 2568: เริ่มใช้จ่ายผ่านแอป "เป๋าตัง" ได้อย่างเป็นทางการ
เมื่อนำโครงการนี้ไปรวมกับโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ดำเนินการก่อนหน้า คาดว่าจะครอบคลุมประชากรได้ถึง 33.4 ล้านคน และมีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ GDP ของประเทศในช่วงปลายปีเพิ่มขึ้นประมาณ 0.3-0.4%


