ย้อนสถิติ “เงินเฟ้อไทย” กับ “ดอกเบี้ยนโยบาย” ปี 68 ลุ้น 8 ต.ค. ลดดอกเบี้ย
เปิดสถิติย้อนหลัง “เงินเฟ้อไทย” กับ “ดอกเบี้ยนโยบาย” ปี 68 จับตา กนง. นัด 8 ต.ค.นี้ ลดดอกเบี้ย หลังเงินเฟ้อไทย ก.ย. ลดลง 0.72% ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 หนุน PE ขึ้น 0.67 เท่า ดันเป้าดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นมาได้ราว 55-57 จุด ทะลุ 1,300 จุด
KEY
POINTS
- เปิดสถิติย้อนหลัง “เงินเฟ้อไทย” กับ “ดอกเบี้ยนโยบาย” ปี 68
- จับตา กนง. นัด 8 ต.ค.นี้ ลดดอกเบี้ย หลังเงินเฟ้อไทย ก.ย. ลดลง 0.72% ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6
- หนุน PE ขึ้น 0.67 เท่า ดันเป้าดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นมาได้ราว 55-57 จุด ทะลุ 1,300 จุด
อัตราเงินเฟ้อถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยโนยายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ล่าสุด สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (Headline CPI) เดือน ก.ย.2568 อยู่ที่ระดับ 100.11 ลดลง 0.72% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 0.03% จากเดือนก่อน ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 9 เดือนแรกของปี 2568 ลดลง 0.01%
ทั้งนี้ เงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ก.ย.2568 ลดลงมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ลดลง 0.60% โดยปัจจัยหลักมาจากราคาพลังงานที่ปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและค่ากระแสไฟฟ้าที่ต่ำลงตามมาตรการของภาครัฐ
รวมถึงราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสด เช่น ไข่ไก่ ผักสด และผลไม้สด ที่ยังคงลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ราคาสินค้าและบริการในหมวดอื่นๆ เช่น ของใช้ส่วนบุคคล เสื้อผ้า และค่าโดยสารเครื่องบิน ก็มีแนวโน้มลดลงเช่นกัน
ขณะที่สินค้าบางรายการเช่น ค่าเช่าบ้านและอาหารสัตว์เลี้ยงราคายังปรับสูงขึ้นบ้างแต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อในภาพรวมอย่างมาก
ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือน ก.ย.2568 อยู่ที่ 101.46 เพิ่มขึ้น 0.65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 0.05% จากเดือนก่อน ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เฉลี่ย 9 เดือนแรกของปี 2568 เพิ่มขึ้น 0.90%
สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 4/2568 กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับ “ใกล้ศูนย์” หรืออาจติดลบในบางเดือน พร้อมปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของปี 2568 ลงจากเดิมที่คาดไว้ในช่วง 0.0-1.0% เหลือประมาณ 0.0% สะท้อนภาพการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและราคาสินค้าสำคัญที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ด้วยปัจจัยที่หลากหลายทั้งภายนอกและภายในประเทศ
จากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ก.ย.2568 ลดลง 0.72% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 0.03% จากเดือนก่อน ส่งผลให้ 2 บริษัทหลักทรัพย์ ประเมินว่า กนง.จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 1.50% เป็น 1.25% ต่อปี ในการประชุมวันที่ 8 ต.ค.นี้ ขณะที่อีก 1 บริษัทหลักทรัพย์ มองว่า กนง.จะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี และไปลดดอกเบี้ย 0.25% จาก 1.50% เป็น 1.25% ต่อปี ในการประชุมวันที่ 17 ธ.ค.2568
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวแบบนี้ ทำให้นโยบายการเงินควรที่จะเข้ามาเกื้อหนุน โดยการประชุม กนง.วันที่ 8 ต.ค.2568 BLOOMBERG คาดว่าจะลดดอกเบี้ยเหลือ 1.25% จาก 1.50% (ผ่านมุมมองนักเศรษฐศาสตร์ 16 ใน 21 คน)
ประกอบกับอีก 1 ปัจจัย สะท้อนจาก BOND YIELD อายุ 10 ปี อยู่ที่ 1.42% ซึ่งต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบัน (สะท้อนการลดดอกเบี้ย 1 ครั้ง) โดยประเมินว่าการปรับลดดอกเบี้ย 25 bps. จะหนุนระดับ PE ขึ้น 0.67 เท่า และดัน TARGET SET INDEX จะขยับขึ้นมาได้ราว 55-57 จุด
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ เน้นหุ้นได้ประโยชน์หากอัตราดอกเบี้ยลดลง แนะนำหุ้นกลุ่มเช่าซื้อ ได้แก่ MTC,TIDLOR กลุ่มอสังหา ได้แก่ AP, SPALI และกลุ่ม HIGH YIELD ได้แก่ ADVANC, ICHI
เช่นเดียวกับ บล.กสิกรไทย ระบุว่า กลางสัปดาห์นี้ ในช่วงวันพุธที่ 8 ต.ค.2568 มีการประชุม กนง. ซึ่งคาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25 bps มาอยู่ที่ระดับ 1.25% ที่อาจช่วยหนุนใหดั้ชนีตลาดมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านด้านบนได้ที่บริเวณ 1,300 จุด
ขณะที่ บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อที่ยังต่ำ หนุนให้ตลาดคาดหวังการลดดอกเบี้ยนโยบาย อย่างไรก็ตาม เราคาด กนง. จะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ในการประชุมวันที่ 8 ต.ค.นี้ ก่อน แต่มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้งในวันที่ 17 ธ.ค.2568 แทน
หากย้อนสถิติอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทย ตั้งแต่ ม.ค.-ก.ย.2568 จะพบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 นับตั้งแต่เดือน เม.ย.2568
ส่วนผลการประชุม กนง. ตั้งแต่ต้นปี 2568 จนถึงเดือน ส.ค.2568 จำนวน 4 ครั้ง พบว่า ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปแล้ว 3 ครั้ง และคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1 ครั้ง
ต้องรอลุ้นกันว่า การประชุม กนง. 2 ครั้งที่เหลือในปี 2568 คือ วันที่ 8 ต.ค. และ 17 ธ.ค.นี้ กนง.จะตัดสินใจอย่างไร?


