ปราบมิจออนไลน์ ภารกิจท้าทาย “ไชยชนก-พชร” รมว.-ปลัดดีอี ป้ายแดง
เปิดความท้าทาย 2 ผู้บริหารกระทรวงดีอีป้ายแดง “รมว.ไชยชนก-ปลัดพชร” ชูภารกิจเด่น ปราบอาชญากรรมออนไลน์ ปั้นเศรษฐกิจดิจิทัล
ปีงบประมาณ 2569 ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) นับเป็นปีแรกที่ได้งบประมาณถึง จำนวน 10,223 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2568 จำนวน 618.3 ล้านบาท จากเดิมที่ได้รับการจัดสรร จำนวน 9,604.7 ล้านบาท ขณะที่ข้าราชการในกระทรวงดีอีกำลังขาดแคลนบุคลากรสำคัญถึง 2 ตำแหน่ง คือ รองปลัดกระทรวงดีอี ที่เกษียนลง คือ “ปิยนุช วุฒิสอน” และ “ณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์” ที่ถูกย้ายไป สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.)
และกำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ว่าจะเลือกลูกหม้อที่มีอยู่ ขึ้นมาเป็นรองปลัด หรือ เลือกคนข้างนอกมาทำงาน
ขณะที่ปลัดดีอีครม.ชุดที่แล้วได้เลือก “พชร อนันตศิลป์” จากกระทรวงการคลัง มานั่งแทน “วิศิษฎ์ วิศิฎ์สรอรรถ” ที่เกษียณอายุลงเช่นกัน โดยจะเข้ามาทำงานวันที่ 1 ต.ค. 2568 ทำให้เป็นโจทย์ท้าทายขึ้นมาทันทีทั้งปลัดที่มาใหม่ และ รัฐมนตรีกระทรวงดีอีที่มาใหม่ “ไชยชนก ชิดชอบ” ในวัย 35 ปี ที่จะต้องเข้ามาทำงานในกระทรวงดีอีกับคนทำงานใหม่เกือบทั้งหมด
แหล่งข่าวจากกระทรวงดีอี ระบุว่า ขณะนี้ทั้งรัฐมนตรีคนใหม่และปลัดคนใหม่ เริ่มเข้ามาพบกับหน่วยงานต่างๆในกระทรวงเพื่อเตรียมการทำงานแล้ว โดยเฉพาะรัฐมนตรี “ไชยชนก” ได้มีแนวนโยบายที่สำคัญเป็นโจทย์แรกคือ การปราบมิจฉาชีพออนไลน์ เนื่องจากกระทรวงดีอีมีกฎหมาย ภารกิจ และอำนาจในการปราบปรามด้านนี้ ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์ AOC ภายใต้สำนักงานปลัดที่มีอำนาจการทำงานจากพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังมี พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ของสำนักงานปลัด
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึง พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ของสํานักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ซึ่งแม้ไม่ได้อยู่ภายใต้กระทรวงดีอีแต่ก็ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดตามคำสั่งของสำนักนายกรัฐมนตรี
แน่นอนว่า เรื่องนี้ เป็นความท้าทายของ รัฐมนตรีกระทรวงดีอีทุกคน เพราะการปราบมิจฉาชีพออนไลน์นั้น เป็นปัญหาคลาสสิคที่ปราบเท่าไหร่ก็ไม่หมด และนับวันมิจฉาชีพจะเปลี่ยนวิธีการหลอกลวงให้ทันสมัยขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับงบประมาณปี 2569 ของกระทรวงดีอี แบ่งตามยุทธศาสตร์ 5 ด้าน ประกอบด้วย
1. สร้างระบบนิเวศ โครงสร้างพื้นฐาน และนวัตกรรมดิจิทัลที่พร้อมเพื่อสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ งบประมาณ 736 ล้านบาท ดำเนินการในภารกิจสำคัญ อาทิ ผลักดันการนำระบบ ThaID มาใช้ในการยืนยันตัวตนแทนการลงลายมือชื่อบนเอกสารกระดาษเพื่อความมั่นคงปลอดภัยทางเทคโนโลยี การวัดมูลค่าเพิ่มของอุตสาหกรรมดิจิทัลต่อ GDP การพัฒนา Digital Startup ดิจิทัลคอนเทนต์ พัฒนาระบบนิเวศดิจิทัลแต่ละพื้นที่ เป็นต้น
2. ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการใช้ประโยชน์และรู้เท่าทันเทคโนโลยีดิจิทัล งบประมาณ 443 ล้านบาท ดำเนินการในภารกิจสำคัญ อาทิ การขับเคลื่อนการเข้าถึงดิจิทัลอย่างเท่าเทียม การจัดการปัญหาแพลตฟอร์มออนไลน์และสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชน การยกระดับศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนสู่ศูนย์ดิจิทัลชุมชน การพัฒนากำลังคนด้านดิจิทัลระดับพื้นที่ให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล เป็นต้น
3. ส่งเสริมการให้บริการประชาชน ภาคเอกชนและภาครัฐ ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล งบประมาณ 6,550 ล้านบาท ดำเนินการในภารกิจสำคัญ อาทิ การพัฒนาบริการโครงสร้างพื้นฐานและความมั่นคงปลอดภัยด้านดิจิทัล (GDCC Cloud) การผลักดันการใช้งานระบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-office) บนระบบคลาวด์ GDCC และขยายผลการใช้งาน e-doc ไปยังหน่วยราชการ และ อปท. ในแต่ละจังหวัด การพัฒนาระบบคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขของประเทศไทย การพัฒนาคลาวด์เพื่อเมืองอัจฉริยะ การขับเคลื่อนระบบสถิติ การพัฒนาการพยากรณ์อากาศ การดำเนินงานศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม การดำเนินงานศูนย์ AOC1441 การดำเนินงานศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน เป็นต้น
4. พัฒนากำลังคน ให้มีความรู้และทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม งบประมาณ 97 ล้านบาท ดำเนินการในภารกิจสำคัญ อาทิ การพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงานผ่านรูปแบบนวัตกรรมดิจิทัล การพัฒนาทักษะประชาชนกี่ยวกับเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ผ่านช่องทางการให้บริการของกระทรวง การพัฒนากำลังคนด้านการประยุกต์ใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ เป็นต้น
5.ทุกภาคส่วนมีความเชื่อมั่นในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างมั่นคงปลอดภัย สอดคล้องตามมาตรฐานสากลและใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ งบประมาณ 489 ล้านบาท ดำเนินการในภารกิจสำคัญ อาทิ การสร้างความร่วมมือทั้งในประเทศไทยและระหว่างประเทศในการป้องกันการหลอกลวงออนไลน์ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลด้านธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ที่น่าเชื่อถือ การดำเนินงานศูนย์เฝ้าระวังการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล การพัฒนากฎหมายด้านเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลรวมถึงกฎหมายด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น
6.รายจ่ายประจำตามภารกิจ จำนวน 1,985 ล้านบาท อาทิ เงินเดือน ค่าจ้าง ค่าสาธารณูปโภค และค่าใช้จ่ายพื้นฐานต่างๆทุกหน่วยงานทั้งกระทรวง
ฝากผลงาน 9 ปี ถึง รมว.-ปลัด คนใหม่
“วิศิษฏ์” ปลัดกระทรวงดีอี เปิดเผยว่า การเข้ามาทำงานของ “ไชยชนก” ที่มีอายุเพียง 35 ปี นับเป็นเรื่องที่ดีและเชื่อว่าคนรุ่นใหม่จะเข้าใจการทำงานของกระทรวงดีอีได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว โดย 9 ปีที่ผ่านมา แน่นอนว่า เรื่องการปราบอาชญากรรมออนไลน์ เป็นเรื่องที่สำคัญ และกระทรวงดีอี ทำอยู่
อนาคต กระทรวงดีอี ต้องพร้อมที่จะเดินหน้าการสร้างความตระหนักรู้ ความเชื่อมั่นในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลให้กับประชาชนต่อไป โดยเฉพาะการสร้างภูมิคุ้มกัน การป้องกันและปรามปราบอาชญากรรมออนไลน์ ที่ต้องขับเคลื่อนการทำงานควบคู่ไปกับการสร้างเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความมั่นคงและยั่งยืนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลา 9 ปี ของกระทรวงดีอี ได้มีการจัดงานร่วมกับภาครัฐ และเอกชน เพื่อนำเสนอความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นด้านความมั่นคงปลอดภัย การต่อต้านอาชญากรรมออนไลน์ การเสริมสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจดิจิทัล พร้อมทั้งการเสวนาด้านเทคโนโลยี AI ที่กำลังได้รับความสนใจ และความเคลื่อนไหวทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดได้ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ 4 ฉบับ เพื่อเดินหน้าการขับเคลื่อนการใช้งานดิจิทัลให้กับหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐ และเอกชน ได้แก่
1.บันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการพัฒนาระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลการใช้บริการบัตรอัตโนมัติ (Easy Pass) ของหน่วยงานภาครัฐ ร่วมกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย โดย นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ซึ่งจะร่วมกันออกแบบและพัฒนาระบบเก็บค่าผ่านทางพิเศษบัตรอัตโนมัติ ระบบบริหารการเบิกจ่ายค่าผ่านทางพิเศษ (XPress) ที่มีการเชื่อมโยงข้อมูลการให้บริการบัตรอัตโนมัติ (Easy Pass) ให้มีความมั่นคงปลอดภัยและน่าเชื่อถือ เพื่อการควบคุมและตรวจสอบการเดินทาง และบริหารจัดการการเบิกจ่ายค่าผ่านทางพิเศษของหน่วยงานของรัฐ
2.บันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการตรวจสอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ e-Office ภายใต้งานบริหารคลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) ร่วมกับสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน โดยนายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งจะร่วมบูรณาการและเชื่อมโยงระบบ e-Office ภายใต้ GDCC และระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารและสนับสนุนการตรวจสอบ (e-Audit) สร้างความเชื่อมั่นด้านการตรวจสอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ และลดภาระการจัดเตรียมเอกสารกระดาษสำหรับการตรวจสอบ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความโปร่งใส สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ และสอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาลในการตรวจเงินแผ่นดิน
3.บันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้งานบนระบบ e-Office ภายใต้งานบริการคลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) ขับเคลื่อนระบบราชการดิจิทัล ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ โดยนางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ โดยร่วมกันพัฒนาเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับการเงินการคลังภาครัฐ รวมถึงเอกสารที่หน่วยงานภาครัฐมีความต้องการใช้ร่วมกันในรูปแบบ e-Form นำเข้าสู่ระบบ e-Office ภายใต้ GDCC ทำให้หน่วยงานที่ใช้ระบบ e-Office ร่วมกันได้ เพื่อรองรับการพัฒนาระบบราชการด้วยดิจิทัล
4.นอกจากนี้กระทรวงดีอี ยังได้สนับสนุนการพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวระดับโลกเป็นแห่งแรกในโลก ร่วมกับ บริษัท Agoda ซึ่งจะเป็นการนำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้ด้านการท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการประยุกต์ใช้ AI เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยว
เดินหน้ากฎหมายเศรษฐกิจดิจิทัล
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้นนายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตรมว.กระทรวงดีอี กล่าวว่า ภารกิจที่รัฐมนตรีใหม่ต้องขับเคลื่อนด้วยคือการเร่งเดินหน้า ร่างกฎหมายสำคัญหลายฉบับ ได้แก่ 1.ร่าง พ.ร.บ.ไปรษณีย์ ฉบับใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการปรับปรุงรายละเอียดโดยปลัดกระทรวง และเตรียมเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะในเร็ว ๆ นี้ 2.ร่าง พ.ร.บ.อุตุนิยมวิทยา ที่ผ่านการพิจารณาของกระทรวงแล้ว และอยู่ระหว่างการเตรียมเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ 3.ร่าง พ.ร.บ.เศรษฐกิจแพลตฟอร์มดิจิทัล พ.ศ. ... ซึ่งจัดทำโดย สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ. หรือ ETDA)
บอร์ด AI ต้องไปต่อไม่ว่ารัฐบาลไหน
นอกจากนี้ประเด็นสำคัญที่ยังคั่งค้าง คือการประชุมของคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ บอร์ด AI แห่งชาติ ซึ่งมีการประชุมมาแล้ว 2 ครั้ง และเตรียมประชุมครั้งที่ 3 ในเดือนกันยายน 2568
NT–ไปรษณีย์ไทย เร่งปรับตัว-ลดขาดทุน
ด้านรัฐวิสาหกิจ นายประเสริฐ กล่าวว่า บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ยังอยู่ในภาวะขาดทุน โดยเฉพาะธุรกิจโทรศัพท์มือถือและโทรศัพท์พื้นฐาน ขณะที่บริษัทไปรษณีย์ไทยยังคงมีกำไรเล็กน้อย
กระทรวงจึงได้สั่งให้ NT รายงานผลประกอบการต่อรัฐเป็นรายเดือน พร้อมทั้งต้องเร่งเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจใหม่ เช่น ดาต้าเซ็นเตอร์ คลาวด์ และบริการดิจิทัลรูปแบบต่างๆ เพื่อให้สามารถประเมินผลงานซีอีโอได้อย่างเป็นรูปธรรม
เปิดประวัติ รมว.ไชยชนก ชิดชอบ
เกิดวันที่ 14 ก.ค. 2533 ปัจจุบันอายุ 35 ปี เป็นบุตรชายคนโตของ นายเนวิน และนางกรุณา ชิดชอบ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์ เขต 2
ประวัติการศึกษา
การศึกษาสำเร็จการศึกษาไฮสกูล ที่ Millfield Preparatory School, England และ เศรษฐศาสตร์การเงิน มหาวิทยาลัยในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่ใช้ชีวิตที่นีถึง 17 ปี ตั้งแต่อายุ 8 ปี
ประวัติการทำงาน
เคยเป็นอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีสปอร์ต และเคยช่วยคุมทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รวมทั้งสนามแข่งรถ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และยังก่อตั้งบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีสปอร์ต ในปี พ.ศ.2561 ก่อนพาทีมชนะเลิศการแข่งขันอารีนาออฟเวเลอร์ ทั้งโปรลีก 2 สมัย (ฤดูหนาว พ.ศ. 2562 และฤดูร้อน พ.ศ. 2563) และระดับนานาชาติในปี พ.ศ. 2564
เปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์ของพรรคภูมิใจไทย ในพิธีทำบุญเปิดอาคารสำนักงานพรรคภูมิใจไทย อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2565 โดยเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์รุ่นที่ 3 ของตระกูลชิดชอบ ต่อจากผู้เป็นปู่ชัย ชิดชอบ และนายเนวิน บิดา ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป 2566 โดยเขาลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์ เขต 2 และได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยแรก
เปิดประวัติปลัดดีอี พชร อนันตศิลป์
เกิด : 6 กรกฎาคม 2514 อายุ : 54 ปี
ประวัติการศึกษา
ปริญญานิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ปริญญาตรี บริหารธุรกิจบัณฑิต (การเงิน) มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ปริญญาโท Master of Business Administration (MBA), Shenandoah University สหรัฐอเมริกา
ประวัติการทำงาน
2566 – ปัจจุบัน ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
2566 – ปัจจุบัน กรรมการ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)
2565 – ปัจจุบัน ประธานกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์
2563 – 2566 อธิบดีกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง
2561 – 2563 อธิบดีกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง
2560 – 2561 อธิบดีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง
2559 – 2560 รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สินกระทรวงการคลัง
2558 – 2559 ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง กรมบัญชีกลาง
2558 – 2558 รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง กรมบัญชีกลาง


