วิจัยกสิกรฯ อัพเป้า GDP ไทยปี 68 โต 1.8% หวังรัฐบาลใหม่เร่งดันเศรษฐกิจ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปรับเพิ่มประมาณการ GDP ไทยปี 68 เป็น โต 1.8% จากเดิม 1.5% แรงหนุนจากเร่งส่งออกไปสหรัฐฯ ก่อนเก็บภาษีทรัมป์มีผลบังคับใช้
KEY
POINTS
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปรับเพิ่มประมาณการ GDP ไทยปี 68 เป็น โต 1.8% จากเดิม 1.5% แรงหนุนจากเร่งส่งออกไปสหรัฐฯ ก่อนเก็บภาษีทรัมป์มีผลบังคับใช้
- หวังรัฐบาลใหม่เร่งผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หนุนฟื้น “คนละครึ่ง” ลุย “รถเก่าแลกรถใหม่”
นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนสูง อีกทั้ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เข้ามาแทรกแซงความเป็นอิสระของเฟด จึงทำให้ตลาดการเงินคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยอย่างเร็วและแรง โดยเริ่มในเดือน ก.ย.นี้
นอกจากนี้ ความผันผวนและความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐ เริ่มส่งผลให้การจ้างงานในสหรัฐฯ เริ่มชะลอลงและทำให้ความเชื่อมั่นต่อสกุลเงินดอลลาร์ฯ ถูกบั่นทอนลง ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนมาเกือบ 10% ขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาแล้วราว 7% ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน
นายบุรินทร์ มองว่า ความชัดเจนของปัจจัยการเมืองไทย หลังได้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และการเตรียมแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาทำงานในกระทรวงต่างๆ ทำให้เริ่มมีความเชื่อมั่นกับเศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้น โดยคาดหวังการที่รัฐบาลชุดใหม่ที่มีระยะเวลาในการทำงานสั้น จะเร่งผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา โดยเฉพาะการผลักดันโครงการ “คนละครึ่ง” กลับมาใช้ ซึ่งมองว่าเป็นมาตรการแรกที่สามารถทำได้เร็ว รวมทั้งมาตรการในส่วนอื่นๆ เช่น โครงการรถเก่าแลกรถใหม่ เพื่อช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมรถยนต์
ขณะเดียวกัน มองว่าการที่รัฐบาลชุดใหม่ จะสนับสนุนมาตรการลดภาษี เพื่อดึงดูดแรงงานที่มีความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยี หรือแรงงานที่มีทักษะเฉพาะด้านเข้ามาทำงานในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยสร้างเม็ดเงินให้เข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติมได้ รวมทั้งสามารถช่วยพัฒนาขีดความสามารถของแรงงาน และภาคธุรกิจในประเทศได้เช่นกัน
อย่างไรก็ดตาม เศรษฐกิจไทยยังมีความท้าทาย แม้ว่าจะมีความชัดเจนทางการเมืองแล้ว ยังต้องติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐว่าจะสามารถเบิกจ่ายได้เร็วเพียงใด เพราะจะมีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงความกังวลเรื่องการพิจารณาอัตราภาษีนำเข้าสินค้าไปยังสหรัฐฯ ที่ 19% ซึ่งได้ผ่านการเจรจากับสหรัฐฯ มาแล้ว จะได้รับการพิจารณาจากสภาฯ เร็วหรือช้าอย่างไร ซึ่งหากมีการพิจารณาที่ช้าไป ก็อาจจะไม่ทันในรัฐบาลชุดนี้ ทำให้อาจจะมีผลต่อภาคส่งออกของไทยได้เช่นกัน
นางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 มาอยู่ที่ 1.8% จาก 1.5% จากแรงหนุนการเร่งส่งออกไปยังสหรัฐฯ ก่อนมาตรการภาษีฯ ตามมาตรา 232 และภาษีสินค้าอ้อมผ่านประเทศที่สาม (Transshipment) มีผลบังคับใช้ ทั้งนี้ การส่งออกที่ชะลอตัวลงน้อยกว่าที่คาดในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 ส่งผลให้ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยจะเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคลดต่ำลง
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า ยังมีความท้าทายจากผลกระทบทางตรงและทางอ้อมจากภาษีสหรัฐฯ การท่องเที่ยวที่ชะลอตัว และปัจจัยทางการเมือง ที่ยังต้องติดตาม
ขณะที่ทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะที่เหลือของปี 2568 มองว่า กนง.มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 1 ครั้งในปีนี้ ซึ่งมาควบคู่กับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเฉพาะหน้าของรัฐบาลใหม่
นางสาวเกวลิน หวังพิชญสุข รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า กลุ่มที่ใช้วัตถุดิบในประเทศน้อยกว่า 50% อาจเสี่ยงโดนภาษี Transshipment ของสหรัฐฯ ได้แก่ เครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งทอ เคมีภัณฑ์ ซึ่งมีสัดส่วนราว 27% ของสินค้าส่งออกไทยไปสหรัฐฯ
ขณะที่ ประเมินว่าอัตราภาษีเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (Effective rate) ของไทยน่าจะอยู่ที่ราว 26% ต่ำกว่ามาเลเซีย แต่สูงกว่าเวียดนามและอินโดนีเซีย โดยไทยมีสัดส่วนสินค้าที่โดนภาษีสูงกว่า 19% เกือบครึ่งหนึ่งของมูลค่าการส่งออกไปสหรัฐฯ ทำให้ยังเป็นโจทย์ที่ต้องเร่งดูแลภาคการผลิต เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบลูกโซ่ที่จะมีต่อธุรกิจและแรงงาน
ดร.รุจิพันธ์ อัสสะรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ภายใต้ Section 232 จะมีผลกระทบต่อไทยชัดเจนมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสินค้าไทยเผชิญประเด็นภาษีดังกล่าวในสัดส่วนเพียง 12.3% ของมูลค่าสินค้าที่สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยทั้งหมด มาที่สัดส่วน 19.5% หลังการประกาศเริ่มเก็บภาษีนำเข้า Semiconductor ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงราวไตรมาส 4/2568
ทั้งนี้ Semiconductor เป็นกลุ่มสินค้าที่จะถูกเก็บภาษีสูงถึง 100-300% แม้ว่าในรอบแรก ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มี Semiconductor เป็นส่วนประกอบ เช่น ฮาร์ดดิสก์ และคอมพิวเตอร์ จะยังไม่ถูกเก็บภาษีดังกล่าวก็ตาม ผลกระทบจากการเก็บภาษีข้างต้น คาดว่าจะส่งผลให้มูลค่าการส่งออก Semiconductor ของไทยพลิกจากเติบโตด้วยเลขสองหลักในปีนี้ เป็นการหดตัวลงราว 4.8% ในปี 2569 เนื่องจากตลาดสหรัฐฯ ครองสัดส่วนส่งออก Semiconductor ไทยสูงถึง 16.2%


