SKY หนุนรัฐบาลใหม่ ปฎิรูปการบิน –ท่องเที่ยว ท้าชน ฮ่องกง สิงคโปร์

นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY เปิดเผยว่า การมีรัฐบาลใหม่ดีกว่าการยุบสภา เชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะใช้เวลาอยู่ถึงประมาณกลางปี 2569 ก่อนจะเลือกตั้งใหม่ ดังนั้นนโยบายเร่งด่วนที่จะสามารถทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตในช่วงระยะเวลานี้คือ นโยบายด้านการท่องเที่ยว ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเวลเนส การเดินทาง อาหาร และสถานที่ท่องเที่ยว ดังนั้นหากทำให้นักท่องเที่ยวมั่นใจถึงความปลอดภัย และบริการที่จริงใจ ไม่โก่งราคา เชื่อว่านโยบายนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ง่ายกว่านโยบายเศรษฐกิจด้านอื่นที่ต้องใช้เวลา 

แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลง แต่อยากให้มองกลับกันว่า ที่ผ่านมาการดูที่จำนวนนั้น มีรายได้ต่อหัวอย่างไร เป็นทัวร์ศูนย์เหรียญ หรือไม่ ดังนั้นควรกลับมามองว่า ทำอย่างไรค่าใช้จ่ายต่อหัวเพิ่มขึ้นด้วยคุณภาพการให้บริการ สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ หากการท่องเที่ยวกลับมา ก็จะทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ SME เติบโตขึ้นด้วย

ขณะเดียวกัน ควรเร่งรัดขั้นตอนการอนุมัติจัดซื้อเครื่องบินใหม่ของสายการบินที่ปัจจุบันใช้เวลาหลายเดือน ถือเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเพิ่มขีดความสามารถ เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งอย่างสิงคโปร์ที่มีจำนวนเครื่องบินมากกว่าไทยหลายเท่า รวมถึงเสนอเรื่องการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charge: PSC) ซึ่งปัจจุบันไทยเก็บอยู่ที่ 730 บาท ต่ำกว่าสิงคโปร์ (ราว 1,300 บาท) และฮ่องกง (ราว 1,500 บาท) การปรับเพิ่มจะช่วยสร้างรายได้เพื่อนำไปลงทุนพัฒนาสนามบินและเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยไม่ต้องพึ่งพางบประมาณภาครัฐ และยังยกระดับคุณภาพการให้บริการสู่มาตรฐานสากล

ปัจจุบันสนามบินสุวรรณภูมิ รองรับผู้โดยสาร 45 ล้านคนต่อปี จะขยายเพิ่มอีก 20 ล้านคนจากอาคาร Satellite 1 และอีก 15 ล้านคนจาก East Expansion รวมเป็น 80 ล้านคนภายใน 3 ปี เทียบเคียงสนามบินชั้นนำในภูมิภาค ทั้งยังมีรันเวย์ 3 เส้นที่รองรับได้ถึง 90 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ทำให้ไทยมีศักยภาพเป็น Transit Hub ระดับโลก เช่น ดูไบ โดฮา และอิสตันบูล

นอกจากนี้ การบินไทยมีแผนเพิ่มฝูงบินเป็น 90 ลำภายในปี 2569 เพื่อแข่งขันกับ Singapore Airlines ที่มีเครื่องบินกว่า 177 ลำและเตรียมขยายเป็น 200 ลำ อย่างไรก็ตาม ไทยยังมีข้อจำกัดด้านการขนส่งสินค้า โดยสุวรรณภูมิรองรับได้เพียง 1.5 ล้านตันต่อปี ต่ำกว่าฮ่องกง (5 ล้านตัน) และสิงคโปร์ (2 ล้านตัน)

ดังนั้นหากมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องทำให้การเพิ่มฝูงบินและมีการจัดการจราจรทางการบินให้มีประสิทธิภาพ ประเทศไทยก็จะกลายเป็นผู้เล่นด้านการขนส่งสินค้าได้ และน่าสนใจกว่าคู่แข่ง เพราะประเทศไทยมีความน่าสนใจในด้านการท่องเที่ยวด้วย