ธนารักษ์เปิด "Landlord Sharing" ดึงที่ราชพัสดุกว่า 10 ล้านไร่ เพิ่มรายได้-สร้างประโยชน์สังคม
ธนารักษ์เดินหน้าโครงการ Landlord Sharing ดึงที่ราชพัสดุในมือส่วนราชการมาพัฒนาโครงการสังคม จับมือ สธ. ลงนาม MOU นำร่องพัฒนา 6 โรงพยาบาล
KEY
POINTS
- กรมธนารักษ์เปิดตัวโครงการ “Landlord Sharing” เพื่อนำที่ราชพัสดุที่ส่วนราชการไม่ได้ใช้ประโยชน์มาพัฒนาเป็นโครงการเชิงสังคม
- โครงการนี้มอบอำนาจให้ส่วนราชการที่ครอบครองที่ดินสามารถจัดหาประโยชน์ได้โดยตรง โดยให้เอกชนร่วมพัฒนาภายใต้หลักเกณฑ์ที่โปร่งใส
- ได้ลงนามนำร่องกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อพัฒนาพื้นที่ในโรงพยาบาล 6 แห่งทั่วประเทศ ยกระดับบริการทางการแพทย์
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยในการแถลงข่าวหลักเกณฑ์ Landlord Sharing ในวันนี้ว่า ปัจจุบันไทยมีที่ราชพัสดุรวมกว่า 12.6 ล้านไร่ โดยกว่า 10 ล้านไร่อยู่ในความครอบครองของส่วนราชการ โดยบางพื้นที่ไม่ได้ถูกนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณ ส่งผลให้ประเทศสูญเสียโอกาสในการพัฒนา เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดดังกล่าว กรมธนารักษ์ จึงได้ออกโครงการ Landlord Sharing ซึ่งเป็นการนำที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองของส่วนราชการที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาพัฒนาภายใต้โครงการเชิงสังคม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ สร้างรายได้ เพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน ลดภาระงบประมาณแผ่นดิน
โดยรมธนารักษ์ได้จัดทำหลักเกณฑ์มอบอำนาจให้หน่วยงานที่ครอบครองที่ราชพัสดุสามารถดำเนินการใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ภายใต้กรอบการกำกับที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และลดขั้นตอนทางราชการ โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนโครงการด้านสังคมและเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์
ขณะเดียวกันยังได้ลงนามเพื่อมอบอำนาจให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการจัดหาประโยชน์ในพื้นที่ที่อยู่ในความครอบครอง เพื่อวางรากฐานการพัฒนาระบบสาธารณสุขในระยะยาว
สำหรับหัวใจสำคัญของโครงการนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ VALUE ที่มุ่ง สร้างคุณค่า (Value Creation) และ แบ่งปันคุณค่า (Value Sharing) ผ่านการใช้ทรัพย์สินของรัฐให้เกิดประโยชน์รอบด้าน ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ, การยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน, การเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และการสนับสนุนบริการสาธารณะที่จำเป็น
โดยกรมได้ปลดล็อกศักยภาพที่ราชพัสดุเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในการขับเคลื่อนโครงการ Landlord Sharing กรมธนารักษ์ได้จัดทำหลักเกณฑ์และคุณสมบัติที่ชัดเจนเพื่อเป็นกรอบการทำงานที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นสนับสนุนโครงการเชิงสังคมที่อยู่ภายใต้ภารกิจตามกฎหมายของหน่วยงาน รวมถึงโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือชุมชนโดยรอบ มีเงื่อนไขสำคัญดังนี้
1. เป็นโครงการเชิงสังคมด้านสาธารณสุข ด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต
2. โครงการต้องเป็นไปตามภารกิจและกฎหมายของส่วนราชการนั้นๆ
3. ไม่เป็นโครงการภายใต้กฎหมาย PPP และการจัดสวัสดิการเชิงธุรกิจ
4. เปิดประมูลให้เอกชนพัฒนาโครงการและจัดสรรพื้นที่ตามโครงการให้ส่วนราชการใช้ในราชการ
5. ดำเนินการตามขั้นตอนและวิธีตามกฎหมายที่ราชพัสดุและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
6. นำส่งรายได้จากการให้เอกชนเช่าที่ราชพัสดุนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน
7. มีมาตรการกำกับและควบคุมราคาค่าบริการที่เหมาะสมและเป็นธรรมกับประชาชน
8. รายงานผลการดำเนินการให้กรมธนารักษ์ทราบทุกไตรมาส
นายเอกนิติ ย้ำว่า การมอบอำนาจนี้ไม่ใช่การโอนกรรมสิทธิ์ โดยที่ราชพัสดุยังคงเป็นของรัฐ ระยะเวลาการใช้ประโยชน์ไม่เกิน 30 ปี และเพื่อความโปร่งใส หน่วยงานที่รับมอบอำนาจต้องรายงานผลการดำเนินงานต่อกรมธนารักษ์ทุกไตรมาส หากฝ่าฝืนข้อตกลง กรมฯ มีสิทธิเพิกถอนอำนาจได้ทันที
สำหรับกลยุทธ์ ธนารักษ์ จะเพิ่มมูลค่าและคุณค่าทรัพย์สินของแผ่นดิน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม เดินหน้าประเทศไทยสู่ความยั่งยืน พร้อมทั้งเดินหน้าจัดเก็บรายได้ตรงเป้า บริหารทรัพย์สินตรงกลุ่ม และบริการตรงใจ
ขณะเดียวกัน ยังมุ่ง Value ประกอบด้วย เพื่อเพิ่มมูลค่าที่ราชพัสดุ-อาคาร จัดทำฐานข้อมูลที่ราชพัสดุให้ถูกต้องพร้อมใช้งาน จัดทำ Master Plan โครงการต้นแบบที่ราชพัสดุให้เหมุสมตามแต่ละพื้นที่ รวมถึงการเพิ่มความแม่นยำในการประเมินราคา โดยพัฒนาฐานข้อมูลประเมินราคาให้สอดคล้องกับราคาตลาด ลดความแตกต่างราคาเฉลี่ยของราคาตลาดกับราคาประเมินรายหน่วยที่ดิน และเพิ่มคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เป็นต้น
นายแพทย์โอภาส การน์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สำหรับโครงการนำร่องนี้ ได้เลือกมาทั้งสิ้น 6 โครงการ เพื่อยกระดับบริการแก่ประชาชน โดยเริ่มจากการดำเนิน โครงการนำร่อง (Sandbox) ในการก่อสร้างอาคารสำหรับศูนย์บริการทางการแพทย์, หอผู้ป่วยพิเศษ และอาคารจอดรถ เพื่อสนับสนุนภารกิจด้านสาธารณสุข ให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึง
โครงการนำร่องมีทั้งหมด 6 โครงการ ได้แก่
1. โรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วย หอผู้ป่วยพิเศษ พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ
2. โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จังหวัดเชียงราย ประกอบด้วย ศูนย์ Wellness (ศูนย์สุขภาพและฟื้นฟู) สถานพักฟื้นและรอรักษา พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ
3. โรงพยาบาลสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ประกอบด้วย ศูนย์บริการมะเร็ง หัวใจ และเวชศาสตร์วิถีชีวิต พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ
4. โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วย หอผู้ป่วยพิเศษ พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ
5. โรงพยาบาลพัทยาปัทมคุณ (โรงพยาบาลบางละมุง) จังหวัดชลบุรี ประกอบด้วย หอผู้ป่วยพิเศษ ที่พักระหว่างการรักษา พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ
6. โรงพยาบาลหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ประกอบด้วย อาคารบริการและสนับสนุนทางการแพทย์


