ธ.ก.ส. เตรียมโอนเงินไร่ละ 1,000 ช่วยชาวนา ล็อตแรก 1 ก.ย.นี้
ธ.ก.ส. เผย เตรียมเสนอบอร์ด โอนเงินไร่ละพัน ให้เกษตรกรนาปี นาปรัง ล็อตแรก ภายใน 1 ก.ย.นี้ แบ่งการโอนเป็น 5 รอบ พร้อมเดินหน้าปล่อยสินเชื่อเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มอสม.-ข้าราชการท้องถิ่น-ครู กว่า 65,000 ล้านบาท
KEY
POINTS
- ธ.ก.ส. เตรียมโอนเงินช่วยเหลือชาวนาในโครงการสนับสนุนเงินไร่ละ 1,000 บาท โดยคาดว่าจะเริ่มโอนล็อตแรกได้ในวันที่ 1 กันยายนนี้
- โครงการปีนี้มีความพิเศษคือครอบคลุมทั้งข้าวนาปีและข้าวนาปรัง โดยมีวงเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 46,000 ล้านบาท สำหรับเกษตรกรราว 4 ล้านคน
- การโอนเงินจะแบ่งออกเป็น 5 รอบ ซึ่ง ธ.ก.ส. พร้อมดำเนินการภายใน 3 วัน หลังจากได้รับข้อมูลเกษตรกรจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยภายหลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังปี 2568 และโครงการสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีและส่งเสริมการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับศักยภาพพื้นที่ ปีการผลิต 2568/69 หรือ เงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ว่าโดยปีนี้มีความพิเศษจากทุกปี เพราะนอกจากข้าวนาปีแล้ว ยังครอบคลุมถึงข้าวนาปรังด้วย แบ่งเป็น
- ข้าวนาปี วงเงินประมาณ 38,000 ล้านบาท
- ข้าวนาปรัง วงเงินประมาณ 8,000 ล้านบาทรวม
- ทั้งสิ้น ประมาณ 46,000 ล้านบาท
ขณะนี้ ธ.ก.ส. อยู่ระหว่างเตรียมนำเรื่องเสนอเข้าที่ประชุม คณะกรรมการธนาคาร (บอร์ด ธ.ก.ส.) ในวันที่ 28 สิงหาคม 2568 นี้ และหากกระทรวงเกษตรฯ ส่งข้อมูลเกษตรกรมาครบหรือทยอยส่ง ธ.ก.ส. พร้อมดำเนินการโอนเงินให้เกษตรกรได้ภายใน 3 วัน หลังรับข้อมูล
"คาดว่า การโอนเงินไร่ละพัน พร้อมโอนได้ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ แบ่งเป็น 5 รอบ เพราะเราไม่ได้โอนล็อตเดียวทั้งหมด เนื่องจากเกษตรกรที่อยู่ในข่ายราว 4 ล้านคน เพียงรอข้อมูลจาก หากกระทรวงเกษตรส่งข้อมูลให้เราครบ หรือทยอยส่งมา ธ.ก.ส.ก็พร้อมดำเนินการโอนเงินภายใน 3 วัน ขณะนี้ธ.ก.ส.กำลังหารือว่าจะใช้ช่องทางใดในการโอนเงิน อาจจะผ่านแอปทางรัฐได้หรือไม่ หรือโอนผ่านแพล็ตฟอร์มดเดิมของธ.ก.ส.โดยอยู่ระหว่างการศึกษาคู่ขนาดกับ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล หรือ DGA" นายฉัตรชัย กล่าว
สำหรับโครงการนี้ ย้ำว่า ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการโอนเงินในโครงการนี้ เนื่องจากยังอยู่ภายใต้ กรอบบริหารความเสี่ยงไม่เกิน 30% ของธนาคาร นอกจากนี้ ได้เร่งเดินหน้า ปล่อยสินเชื่อเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต ในหลายกลุ่มอาชีพ เพื่อช่วยลดภาระหนี้สินและเสริมสภาพคล่องให้ประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีรายได้ประจำในพื้นที่ชนบท ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
- กลุ่มอสม.ทั่วประเทศ ปล่อยสินเชื่อแล้วกว่า 40,000 ล้านบาท
- กํานัน-ผู้ใหญ่บ้าน เตรียมวงเงินอีก 5,000 ล้านบาท
- ครู-บุคลากรด้านการศึกษาและสาธารณสุข จัดสรรเพิ่มอีก 10,000 ล้านบาท
ธ.ก.ส. ยังมี room สำหรับปล่อยสินเชื่อในภารกิจพัฒนาชนบทได้อีก 20% ของพอร์ต หรือประมาณ 200,000 ล้านบาท
นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า ในส่วนภาพรวมการปล่อยสินเชื่อในปี 2568 ล่าสุดของธนาคาร เติบโตอยู่ที่ราว 2% จากเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ 5% โดยยังถือว่าอยู่ในระดับที่สามารถประคับประคองได้ แม้จะเริ่มมีสัญญาณการปล่อยสินเชื่อที่ชะลอลงจากกลุ่มเกษตรกรสูงวัย ซึ่งปัจจุบันคิดเป็น 1 ใน 3 ของพอร์ตลูกค้าของ ธ.ก.ส. โดยธนาคารอยู่ระหว่างการพิจารณาแผนเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มดังกล่าว ซึ่งไม่สามารถชำระหนี้ได้
"สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปัจจุบัน ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5% กว่า ซึ่งธ.ก.ส.สามารถคุมได้ ไม่กระทบในเชิงเหวี่ยง ในเรื่องของ NPL และการกันสำรองความเสี่ยง" นายฉัตรชัย กล่าว
ในส่วนของผลกระทบจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ (Tariff Tax) นายฉัตรชัยระบุว่า ธ.ก.ส. ได้ประชุมคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น โดยเน้นย้ำให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิต จากพืชเชิงเดี่ยวเป็นการปลูกพืชผสมผสาน และใช้เทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุน พร้อมเตรียมมาตรการเสริมจากทั้ง ธ.ก.ส. และกระทรวงการคลัง เพื่อรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในกลุ่มเปราะบาง


