เจาะ DNA “เกษรา” ชูนวัตกรรมปฎิวัติอสังหาฯ ฝ่าเศรษฐกิจป่วยเรื้อรัง

แม้ "บ้าน" จะยังเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ที่มนุษย์ขาดไม่ได้ แต่ในวันที่เศรษฐกิจไทยสั่นคลอน ผู้คนกลับลังเลในการเป็นเจ้าของ ด้วยภาระระยะยาวที่ไม่แน่ใจว่าจะรับไหว ไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์กระทบหนัก การขยับเกม เพื่อฟื้นความมั่นใจของผู้บริโภคจึงเป็นสิ่งที่ท้าทายที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญ และหาความต่างในการทำตลาด

เศรษฐกิจป่วยเรื้อรัง หาจุดจบไม่เจอ

ในช่วงเวลาพักเที่ยง ณ ห้องประชุมเงียบสงบที่สำนักงานใหญ่ของ SENA เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ “ดร.ยุ้ย” เธอยังไม่ได้พัก พร้อมนั่งลงอย่างสบาย ๆ เพื่อพูดคุยกับ “โพสต์ทูเดย์” หลังจากเพิ่งประชุมเสร็จ ด้วยการเปิดประเด็นทิศทางเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ที่เธอเรียกว่า “โรคเรื้อรังทางเศรษฐกิจ” 

“ดร.ยุ้ย” สะท้อนปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทยให้ “โพสต์ทูเดย์” ฟังว่า “นี่คือวิกฤตที่ไม่รู้จุดจบ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พร้อมเปรียบเทียบว่า “ต้มยำกุ้ง หรือโควิด เรารู้จุดเริ่มและจุดจบ แต่วิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ เหมือนเป็นโรคผิวหนังที่ลามช้าๆ เรื้อรัง ไม่รู้จะรักษาอย่างไร บางครั้งเราก็ไม่รู้ตัว มองไม่เห็น และไม่รู้เมื่อไหร่จะหาย”

“ดร.ยุ้ย” อธิบายเพิ่มเติมว่า ในขณะที่เศรษฐกิจกำลังเผชิญกับปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งก็ยังไม่ได้แก้ แต่ก็ยังคงเกิดปัญหาใหม่ๆขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องภาษีทรัมป์ ค่าเงินบาท การส่งออกที่เคยเป็น “ฮีโร่” ของประเทศ ได้รับผลกระทบ แต่ขณะเดียวกันภาคการท่องเที่ยว ซึ่งก็เป็นพระเอกอีกตัวหนึ่งของเศรษฐกิจไทย ที่ไม่ได้เกี่ยวกับภาษีทรัมป์ ก็ทรุดตัวลงอีก นักท่องเที่ยวจีนหายไปหลายล้านคน

เมื่อผู้คนไม่แน่ใจอนาคต ก็ไม่มีใครกล้าสร้างภาระระยะยาวอย่าง “บ้าน” ส่งผลให้ยอดโอนอสังหาริมทรัพย์จากที่เคยสูงแตะแสนยูนิต เหลือแค่ราว 70,000–80,000 ยูนิตในปีนี้

ความท้าทายตอนนี้คือ ทำอย่างไรให้คนที่อยากมีบ้าน แต่ยังไม่พร้อม ให้เป็นเจ้าของบ้าน

“ปฏิวัติอสังหาฯ” ด้วยนวัตกรรมทางการเงิน

แทนที่จะหยุดรอหรือชะลอแผน SENA เลือกใช้เครื่องมือที่แทบไม่เคยถูกพูดถึงในแวดวงอสังหาฯ มาก่อน นั่นคือ “นวัตกรรมทางการเงิน” 

หนึ่งในโซลูชันสำคัญคือ LivNex เช่าออมบ้าน โมเดลที่เปิดโอกาสให้คนเช่าก่อน แล้วค่อย ๆ สะสมเครดิตเพื่อเปลี่ยนสถานะเป็นเจ้าของภายใน 3 ปี โดยค่าเช่าทุกเดือนจะไม่หายไปเปล่า แต่ถูกแปลงเป็นเงินออม หักกับเงินต้นในอนาคตได้

เพื่อให้แนวคิดนี้เดินได้จริง SENA จึงตั้งบริษัทการเงินของตัวเองชื่อ “เงินสดใจดี” ที่ได้รับใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ทำหน้าที่ประเมินลูกค้า สอนวินัยการเงิน และเป็นโค้ชที่คอยช่วยให้กู้ผ่านในระบบได้ภายใน 3 ปี โดยร่วมมือกับ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) สร้างเครดิตทางการเงินที่ใช้ได้จริงในระบบ

ขณะเดียวกัน ก็มีโมเดลชื่อ RentNex ภายใต้แนวคิด “Pay wisely, Live Flexibly” เปิดให้เช่าคอนโดแบบยืดหยุ่น ไม่ผูกมัดกับสัญญายาว เหมาะกับ Generation Rent ที่ต้องการความคล่องตัวมากกว่าการเป็นเจ้าของ

ตอนนี้ SENA มีลูกค้าในระบบเช่าออมกว่า 1,000 ยูนิต แม้เพิ่งเริ่มได้เพียงปีเดียว แต่มีการโอนกรรมสิทธิ์แล้วราว 7% โดยวางเป้าว่าหลังครบ 3 ปี จะโอนครบ 100% และตั้งเป้าให้รายได้นี้คิดเป็น 20% ของธุรกิจทั้งหมด

นวัตกรรมของ SENA ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่มันคือการแก้ Pain Point ให้คนธรรมดามีบ้านได้จริง

สำหรับ SENA  "นวัตกรรม" ไม่ได้หมายถึงเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเท่านั้น แต่มันคือการแก้ Pain Point ของคนส่วนใหญ่ให้ได้จริง “ดร.ยุ้ย” เปรียบ SENA เหมือนกับสายการบินโลว์คอสต์ที่ทำให้คนธรรมดาสามารถเดินทางไปในที่ไม่เคยไปได้ นั่นแหละคือ "นวัตกรรมที่แท้จริง"

พลังงานสะอาดก็ต้อง “คิดใหม่”

นอกจากนวัตกรรมการเงิน SENA ยังเป็นรายแรก ที่ลงทุนกับ โซลาร์รูฟ อย่างจริงจัง และไม่ใช่แค่ติดเพื่อสวย แต่เป็นระบบที่ออกแบบให้เจ้าของบ้านสามารถ “แยกบิลพลังงานแสงอาทิตย์” ไว้ลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย

ล่าสุด SENA ร่วมมือกับบริษัทญี่ปุ่น พัฒนาเทคโนโลยีแผงโซลาร์เซลล์แนวตั้งแบบใหม่ Perovskite ที่สามารถดูดซับพลังงานจากแสงนีออนได้ด้วย ไม่จำกัดแค่แสงอาทิตย์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทดลองในโครงการเสนาพาร์ค วิลล์ รามอินทรา และหากได้ผลก็พร้อมผลิตใช้จริงทันที

“เราอยากทำบ้านที่ประหยัดไฟจริง และถ้าเทคโนโลยีนี้เวิร์ก SENA ก็พร้อมจะผลิตและนำเข้าใช้จริง นี่ก็เป็นการปฏิวัติวงการพลังงานเช่นกัน” ดร.ยุ้ย กล่าว

ทำไมไม่ขายบ้านหรู กำลังซื้อสูง

เมื่อถามว่า ทำไมถึงเหนื่อยขนาดนี้ในตลาดที่ “ไม่รวยเลย” ทั้งๆที่หากหันไปจับกลุ่มบ้านหรู คอนโดหรู ราคา 50-100 ล้านบาท น่าจะทำตลาดง่ายกว่า “ดร.ยุ้ย” ตอบด้วยแววตาจริงใจว่า “เพราะมันเป็นแพชชั่น เราเชื่อว่าคนทุกคนควรมีบ้านได้ และเรารู้ว่าเราทำตรงนี้ได้ดีที่สุด”

ที่สำคัญไม่ใช่ว่า เธอจะไม่คิด แต่เมื่อคิดจะทำแล้ว กลับพบว่า “ไม่ใช่ ดีเอ็นเอ ของตนเอง รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง” ทำให้เธอล้มเลิกความคิดนี้ และมุ่งมั่นในการสร้างนวัตกรรมแบบโลว์คอส แอร์ไลน์ “เพื่อให้ทุกคนได้มีบ้านแบบในฝันของตนเอง ”