Warner Bros. เตรียมแยกธุรกิจ หนีวิกฤตทีวีขาลง รับยุคสตรีมมิงบูม
Warner Bros. Discovery เตรียมผ่าอาณาจักร! เจ้าของหนังดัง ซีรีส์ฮิต ช่องข่าวระดับโลก เล็งแยกธุรกิจผลิตหนัง-สตรีมมิง ออกจากช่องทีวี รับมือพฤติกรรมคนดูที่เปลี่ยนไป
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า Warner Bros. Discovery Inc. (WBD) ผู้ถือครองแบรนด์บันเทิงชั้นนำระดับโลก อาทิ Warner Bros., HBO และ CNN เตรียมปรับโครงสร้างองค์กรครั้งสำคัญ โดยมีแผนที่จะ "แยกบริษัทออกเป็นสองส่วน"
หรือพูดง่ายๆคือ แยกส่วนทีมทำหนัง-ซีรีส์-แพลตฟอร์มสตรีมมิง กับส่วนธุรกิจช่องโทรทัศน์ โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงกลางปีหน้า
แยกแล้วเป็นยังไง?
1. ฝั่งธุรกิจภาพยนตร์ ซีรีส์ และสตรีมมิง
ส่วนนี้จะดูแลงานสร้างทั้งหมด ตั้งแต่ Warner Bros. Television (ที่ทำซีรีส์ดังๆ), Warner Bros. Motion Picture Group (ที่สร้างหนังใหญ่ลงโรง),
DC Studios (สายฮีโร่ DC ที่เรารู้จักกันดี), HBO (ช่องพรีเมียมที่ซีรีส์ดีๆ เพียบ) ไปจนถึง HBO Max (บริการสตรีมมิงของค่าย) และรวมถึงคลังหนังเก่า ซีรีส์เก่าทั้งหมดของค่ายด้วย
โดยคนที่จะมานั่งแท่นบริหารใหญ่ของฝั่งนี้ก็คือ David Zaslav ซีอีโอคนปัจจุบัน
2. ฝั่งธุรกิจช่องโทรทัศน์ (Networks)
กลุ่มธุรกิจนี้จะดูแลการดำเนินงานของช่องโทรทัศน์ต่างๆ ทั้งช่องบันเทิง กีฬา และข่าวสาร รวมถึงช่องข่าวดังอย่าง CNN
คนที่จะมาคุมบังเหียนของฝั่งนี้คือ Gunnar Wiedenfels ซึ่งตอนนี้เป็นหัวหน้าฝ่ายการเงินของบริษัท
ทำไมต้องแยก? มีผลอะไรกับคนดูอย่างเราๆ ไหม?
สาเหตุหลักๆ ที่ Warner Bros. Discovery ตัดสินใจ "แยกบริษัท" ครั้งใหญ่นี้ ก็เพราะว่า พฤติกรรมการดูสื่อของคนเราเปลี่ยนไปมาก!
สมัยนี้คนหันไปดูหนังดูซีรีส์ผ่านแอปพลิเคชันสตรีมมิงกันเยอะขึ้น ไม่ได้เปิดแค่ช่องเคเบิลทีวีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
การแยกบริษัทแบบนี้จะช่วยให้แต่ละส่วนสามารถ "โฟกัส" และ "พัฒนาธุรกิจของตัวเองได้อย่างเต็มที่" เพื่อตอบโจทย์คนดูในยุคปัจจุบันได้ดีที่สุด
นอกจากนี้ Warner Bros. ยังเปิดเผยแผนการกู้ยืมเงินมาลงทุนเพิ่มอีกประมาณ 1.75 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 6 แสนล้านบาท เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ซะทีเดียว เพราะก่อนหน้านี้ Comcast Corp. ซึ่งเป็นบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่เหมือนกัน ก็เคยแยกธุรกิจในลักษณะเดียวกันกับ NBCUniversal มาแล้ว เพื่อให้แต่ละส่วนดูแลธุรกิจของตัวเองได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น
สรุปง่ายๆ เลยก็คือ Warner Bros. Discovery กำลังปรับตัวครั้งใหญ่ เพื่อให้ธุรกิจแข็งแกร่ง และสามารถเติบโตได้ดีขึ้นในยุคที่คนดูอย่างเราๆ มีตัวเลือกในการเสพความบันเทิงที่หลากหลายขึ้น