ทรู-เอไอเอส ยื่นประมูลคลื่นมือถือ ท่ามกลางเสียงค้านผู้บริโภค
กสทช.เดินหน้าเปิดประมูล ทรู-เอไอเอส ตบเท้แค่ 2 รายยื่นเอกสารพร้อมประมูล 29 มิ.ย.นี้ ขณะที่ศาลปกครองกลางรับฟ้องจากสภาผู้บริโภค จับตาการพิจารณาคดีต่อไป
วันนี้ (29 พ.ค. 2568) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดให้เอกชนที่สนใจร่วมประมูลคลื่นความถี่โทรคมนาคม ตามประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล ย่าน 850 MHz 1500 MHz 2100 MHz และ 2300 MHz โดยเป็นการเปิดให้ยื่นประมูลเพียงวันเดียว ปรากฎว่า บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มาก่อนรายแรกในเวลา 11.09 น.ขณะที่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส มาในเวลา 14.14 น.
ทรูฯ นำโดยนายซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยทีมผู้บริหาร ในฐานะ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด มายื่นซองประมูลกับนพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการ กสทช. พร้อมด้วย นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการ กสทช.สายงานกิจการโทรคมนาคม
การมายื่นประมูลครั้งนี้ หลังจากที่คณะกรรมการบริษัทมีมติเห็นชอบยื่นคำขอเพื่อเข้าร่วมประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่โทรคมนาคม ซึ่งมีการวิเคราะห์และประเมินอย่างละเอียดถี่ถ้วน รวมทั้งได้ว่าจ้างที่ปรึกษาภายนอกเข้ามาทำการศึกษาความเหมาะสมในการลงทุนในแต่ละย่านคลื่นความถี่ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของลูกค้า และการใช้งานสื่อสารดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งเพื่อส่งเสริมพัฒนาภาคอุตสาหกรรม ภาคเศรษฐกิจ ภาคสังคม และมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศอย่างต่อเนื่อง
นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งมั่นในการเป็นบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำของไทย และยกระดับในการพัฒนาคุณภาพโครงข่ายในการให้บริการทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยทำเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของลูกค้าที่จะได้เข้าถึงการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการเข้าถึงอย่างเท่าเทียมทุกพื้นที่ พร้อมทั้งยังเป็นการสร้างความแข็งแกร่งต่อจุดยืนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อประเทศในระยะยาว
การประมูลครั้งนี้นับว่าเป็นโอกาสสำคัญที่บริษัทฯ จะทำให้ดีที่สุดไม่ใช่แค่เพื่อลูกค้าแต่รวมถึงเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยให้ก้าวสู่ผู้นำในภูมิภาคอีกด้วย
ขณะที่ เอไอเอส เดินทางมายื่นประมูลเวลา 14.14 น. นำโดยนายนายวรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ เอไอเอส หลังจากที่มีกระข่าวว่า เอไอเอส อาจไม่เข้าร่วมประมูลครั้งนี้ เพราะอยู่ระหว่างการเจรจาเป็นพันธมิตรธุรกิจในการซื้อคลื่นจาก บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)
สำหรับคลื่นความถี่ที่นำออกมาประมูลในครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย
1.คลื่นความถี่ย่านต่ำ (Low Band) ได้แก่ คลื่นความถี่ ย่าน 850 MHz
2.คลื่นความถี่ย่านกลาง (Mid Band) ได้แก่ คลื่นความถี่ ย่าน 2100 MHz 2300 MHz เป็นคลื่นความถี่ย่านที่มีการใช้งานสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปัจจุบัน
3. คลื่นความถี่ย่านกลาง (Mid Band) ย่าน 1500 MHz ซึ่งไม่มีการใช้งานสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปัจจุบัน
คลื่นความถี่ย่านต่ำ (Low Band) ย่าน 850 MHz ช่วงความถี่วิทยุ 824 – 834 MHz คู่กับ 869 – 879 MHz มีราคาขั้นต่ำต่อชุดเป็นจำนวนเงิน 7,738.23 ล้านบาท จำนวน 2 ชุด ชุดละ 2 x 5 MHz
ส่วนคลื่นความถี่ย่านกลาง (Mid Band) ที่มีการใช้งานสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปัจจุบันย่าน 2100 MHz ช่วงความถี่วิทยุ 1965 – 1980 MHz คู่กับ 2155 – 2170 MHz มีราคาขั้นต่ำต่อชุดเป็นจำนวนเงิน 4,500 ล้านบาท จำนวน 3 ชุด ชุดละ 2 x 5 MHz
และย่าน 2300 MHz ช่วงความถี่วิทยุ 2300 – 2370 MHz มีราคาขั้นต่ำต่อชุดเป็นจำนวนเงิน 2,596.15 ล้านบาท จำนวน 7 ชุด ชุดละ 10 MHz
คลื่นความถี่ย่านกลาง (Mid Band) ที่ไม่มีการใช้งานสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปัจจุบัน ย่าน 1500 MHz ช่วงความถี่วิทยุ 1452 – 1507 MHz มีราคาขั้นต่ำต่อชุดเป็นจำนวนเงิน 1,057.49 ล้านบาท จำนวน 11 ชุด ชุดละ 5 MHz
หลังจากการยื่นคำขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ฯ สำนักงาน กสทช. จะดำเนินการพิจารณาคุณสมบัติ และจะมีการชี้แจงรายละเอียด การประมูลรอบสาธิตในวันจันทร์ที่ 23 มิ.ย. 2568 และจะดำเนินจัดให้มีการประมูลในวันอาทิตย์ที่ 29 มิ.ย. 2568 ณ สำนักงาน กสทช.
จับตาศาลปกครองกลางหลังรับฟ้องคดี
ส่วนความคืบหน้าที่หลังจากสภาผู้บริโภคยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขอให้เพิกถอนประกาศของ กสทช. และสำนักงาน กสทช. ที่กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประมูลคลื่นความถี่ของคลื่น 2100 และ 2300 MHz ซึ่งอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ทั้งในด้านขั้นตอน วิธีการ เงื่อนไข และการไม่สะท้อนโครงสร้างตลาดโทรคมนาคมที่แท้จริง ที่ปัจจุบันมีผู้ให้บริการหลักเพียงสองรายโดยไม่มีมาตรการป้องกันการผูกขาดนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2568 นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค เปิดเผยว่า ศาลปกครองกลางมีคำสั่งรับคำฟ้องของสภาผู้บริโภคไว้พิจารณา และจะมีการพิจารณาเกี่ยวกับวิธีการคุ้มครองชั่วคราวต่อไป แม้ศาลจะพิจารณาแล้วว่ายังไม่มีเหตุเร่งด่วนเพียงพอที่จะเปิดการไต่สวนฉุกเฉินในขณะนี้ก็ตาม
ขณะที่ประธานกสทช. กล่าวว่า การประมูลยังคงต้องเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ ส่วนศาลจะตัดสินอย่างไร กสทช.พร้อมน้อมรับคำสั่งศาล


