ไทย–ญี่ปุ่นร่วมหารือดันลงทุนใหม่ หนุนอุตสาหกรรมอนาคต

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมการหารือทวิภาคีกับนายมิยาจิ ทาคูมะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค (APEC Ministers Responsible for Trade Meeting) ที่จังหวัดเชจู สาธารณรัฐเกาหลี โดยเน้นการเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและเชิญชวนญี่ปุ่นขยายการลงทุนในไทย

นายพิชัยกล่าวว่า ญี่ปุ่นเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดและเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของไทย โดยอยู่ในอันดับที่ 3 ของประเทศคู่ค้า และเป็นนักลงทุนสะสมอันดับ 1 ของไทยมาโดยตลอด การหารือครั้งนี้ ไทยได้เชิญชวนญี่ปุ่นเข้ามาขยายการลงทุนเพิ่มเติม โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งยานยนต์สันดาปและยานยนต์สมัยใหม่ เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต รวมถึงอุตสาหกรรมอนาคตที่ญี่ปุ่นมีความเชี่ยวชาญ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) แผงวงจรพิมพ์ (PCB) และเทคโนโลยีขั้นสูงอื่น ๆ

ทางฝ่ายญี่ปุ่นได้แสดงความขอบคุณรัฐบาลไทยที่ปรับปรุงกฎระเบียบและอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจของชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน พร้อมยืนยันจะสนับสนุนความร่วมมือกับไทยในหลายด้าน โดยปัจจุบันมีชาวญี่ปุ่นพำนักในไทยกว่า 70,000 คน และบริษัทญี่ปุ่นที่ดำเนินธุรกิจในไทยมากกว่า 6,000 แห่ง

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเกี่ยวกับมาตรการขึ้นภาษีนำเข้า (reciprocal tariff) ของสหรัฐฯ ซึ่งญี่ปุ่นถูกเก็บภาษีในอัตรา 24% และไทยในอัตรา 36% ถือเป็นอัตราที่ค่อนข้างสูง โดยญี่ปุ่นได้เจรจากับสหรัฐฯ มาแล้ว 2 ครั้ง หวังหาทางออกร่วมกัน ในขณะที่ไทยได้จัดทำข้อเสนอส่งให้รัฐบาลสหรัฐฯ แล้วเช่นกัน เพื่อแสดงถึงความตั้งใจในการรักษาความสัมพันธ์และหาทางออกทางการค้าในเชิงสร้างสรรค์ ป้องกันผลกระทบต่อผู้ประกอบการและนักลงทุนทั้งสองฝ่าย

ก่อนหน้านี้เมื่อต้นปี นายพิชัยยังได้พบกับ Mr. HAYASHI Yoshimasa (หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรี) และ Mr. Taro KONO (อดีตรัฐมนตรีดิจิทัลของญี่ปุ่น) เพื่อหารือการร่วมมือในอุตสาหกรรมใหม่ของญี่ปุ่น ซึ่งเตรียมลงทุนในภาคเซมิคอนดักเตอร์และ AI ภายใน 10 ปีข้างหน้า ด้วยงบประมาณกว่า 10 ล้านล้านเยน (ประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท) โดยไทยต้องการเป็นส่วนหนึ่งของซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมเหล่านี้

สำหรับภาพรวมการค้าระหว่างไทยกับญี่ปุ่นในปี 2567 มีมูลค่ารวม 52,020.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปญี่ปุ่น 23,285.76 ล้านดอลลาร์ สินค้าหลัก ได้แก่ รถยนต์และชิ้นส่วน ไก่แปรรูป เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักร และเคมีภัณฑ์ ส่วนการนำเข้าจากญี่ปุ่นมีมูลค่า 28,734.65 ล้านดอลลาร์ สินค้าหลัก ได้แก่ เหล็กและผลิตภัณฑ์ เครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนยานยนต์ และแผงวงจรไฟฟ้า