จุลพันธ์ ห่วงคำตัดสิน ยิ่งลักษณ์ กระทบประชาธิปไตย-นโยบายสาธารณะ

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แสดงความกังวลต่อคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ที่มีคำสั่งให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวเป็นจำนวนเงิน 10,028 ล้านบาท โดยระบุว่า กระทรวงการคลังพร้อมปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือกระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น สะท้อนภาพปัญหาเชิงลบต่อระบอบประชาธิปไตยไทย 

พร้อมชี้ว่า เมื่อรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ซึ่งการดำเนินนโยบายตามที่หาเสียงไว้ เป็นนโยบายที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชน กลับถูกดำเนินการในลักษณะนี้ อาจทำให้ผู้คนที่คิดจะเข้ามาทำงานทางการเมืองในอนาคตต้องเกิดความกลัวและระแวง
 

นายจุลพันธ์ ยกตัวอย่างโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลปัจจุบันที่ต้องเผชิญกับแรงต้านหลายด้าน ทั้งที่มีเป้าหมายเพียงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงใด ๆ ซึ่งในมุมมองของเขา เป็นอีกตัวอย่างของกลไกที่อาจทำให้ผู้มีเจตนาดีท้อใจ และถอยห่างจากการมีส่วนร่วมทางการเมือง อาจกันคนที่อยากเข้ามาทำสิ่งดี ๆ ให้บ้านเมืองออกไปได้

นอกจากนี้ นายจุลพันธ์ยังตั้งคำถามว่า หากใช้เกณฑ์ประเมินโครงการภาครัฐด้วยตรรกะกำไร-ขาดทุนในทุกรูปแบบ จะเกิดผลกระทบต่อโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะหรือไม่ เช่น การสร้างถนน หรือโครงการประกันราคาสินค้าเกษตร ซึ่งอาจไม่สามารถวัดผลตอบแทนได้เพียงตัวเลขทางบัญชี
 

ในประเด็นการใช้เงินตามมาตรา 28 ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่นำมาใช้ในโครงการรับจำนำข้าว นายจุลพันธ์ยืนยันว่า ขณะนี้รัฐบาลยังคงทยอยจ่ายหนี้ตามกรอบงบประมาณที่ได้รับจัดสรร และวงเงินรวมที่เคยใช้ผ่านกลไกนี้ยังไม่กระทบต่อสถานะการเงินของ ธ.ก.ส. ซึ่งมีวงเงินรวมอยู่ประมาณ 800,000 ล้านบาท จากหลายโครงการในอดีตจนถึงปัจจุบัน

สำหรับเงินตามมาตรา 28 ของ ธ.ก.ส. ที่ใช้ในโครงการจำนำข้าวนั้น ขอย้ำว่ายังอยู่ภายใต้กรอบการบริหารจัดการที่รัดกุม รัฐทยอยชำระคืนตามวงเงินที่ได้รับการจัดสรรจากสำนักงบประมาณ และยังไม่มีผลกระทบต่อสภาพคล่องของ ธ.ก.ส. แต่อย่างใด ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การควบคุมที่โปร่งใสและตรวจสอบได้