ท่องเที่ยว-ค้าปลีกจับมือ ดันไทยครองบัลลังก์ฮับแบรนด์หรูอาเซียน

จากรายงานแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2568 ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ชี้ให้เห็นถึงพลังของภาคการท่องเที่ยวที่ช่วยหนุนธุรกิจค้าปลีกให้คึกคักมากขึ้น ด้วยแรงสนับสนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 35.5 ล้านคนที่เดินทางเข้ามาในปี 2567 และการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ศูนย์การค้าในเขตใจกลางกรุงเทพฯ กว่า 410,000 ตารางเมตรช่วงระหว่างปี 2567-2568

 

ซึ่งการขยายตัวนี้ เปิดโอกาสให้แบรนด์หรูขยายตลาด เพราะทั้งนักท่องเที่ยวและคนไทยที่มีกำลังซื้อมองหาสินค้าและประสบการณ์ระดับพรีเมียมมากขึ้น

 

ขณะเดียวกัน ไทยก็ยังเดินหน้าดึงดูดชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง ผ่านนโยบายวีซ่าระยะยาว พร้อมกับภาพลักษณ์ในฐานะ “แหล่งพักพิงที่ปลอดภัย” ทำให้ประเทศน่าลงทุนและน่าอยู่อาศัยมากขึ้นในสายตาต่างชาติ

 

นอกจากนี้ จากการที่สายการบินได้กลับมาให้บริการเที่ยวบินตามปกติและนโยบายวีซ่าที่เอื้ออำนวย คาดว่าจำนวนกลุ่มผู้ที่มีความมั่งคั่งสูง (High Net Worth Individual - HNWI) ทั้งที่เดินทางมาเยือนและอาศัยอยู่ในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งนับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้พัฒนาพื้นที่ค้าปลีก
 

ผู้พัฒนาพื้นที่ค้าปลีกตอบรับกับแนวโน้มการเติบโตของตลาดหรู ด้วยการปรับโฉมศูนย์การค้าชั้นนำในย่านใจกลางเมือง โดยให้ความสำคัญกับแบรนด์หรูมากขึ้น ทั้งในด้านการตกแต่ง การออกแบบพื้นที่ร้านค้าใหม่ให้เหมาะกับแฟล็กชิปสโตร์ และการจัดโซนเฉพาะสำหรับสินค้าไฮเอนด์ 

 

นอกจากนี้ยังเสริมประสบการณ์ลูกค้าด้วยร้านอาหารระดับพรีเมียม ความบันเทิงคุณภาพสูง บริการล่ามภาษาต่างประเทศ และสินค้าแบบปลอดภาษี

 

ซีบีอาร์อี ยังรายงานอีกว่า แบรนด์หรูก็ให้ความสำคัญกับการเลือกทำเล โดยมักเลือกศูนย์การค้าที่สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงได้ดี ซึ่งแนวโน้มนี้มีผลต่อกลยุทธ์ของผู้พัฒนาศูนย์การค้า ที่หันมาโฟกัสพื้นที่ซึ่งมีกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง (HNWI) กระจุกตัวอยู่เป็นหลัก

ตัวอย่างเช่น การเติบโตของย่านลุมพินีในกรุงเทพฯ ที่มีการเติบโตจากการลงทุนที่นำมาซึ่งการปรับโฉมและขยายสาขาของเซ็นทรัล ชิดลม รวมถึงเซ็นทรัล เอ็มบาสซี อีกทั้งยังมีตัวอย่างของ DIOR Gold House เป็นคอนเซปต์สโตร์ของแบรนด์ Dior ที่ตั้งอยู่ในย่านนี้ด้วย

 

เอมิเรตส์ ปักหมุดลงทุนไทยเปิดเลานจ์นอกสนามบิน ใหญ่รองจากดูไบ 

 

ล่าสุด สายการบินเอมิเรตส์ สายการบินที่ให้บริการฝูงบินแอร์บัส A380 และโบอิ้ง 777 ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และให้บริการนักเดินทาง ผ่านเครือข่ายเส้นทางบินที่ครอบคลุมทุกมุมโลก ได้ปักหมุดเปิดตัวสำนักงานขาย แห่งใหม่ “Emirates World” อย่างเป็นทางการใจกลางกรุงเทพฯ ในรูปแบบเลานจ์ระดับพรีเมี่ยมนอกสนามบินที่ศูนย์การค้าเกษร 

 

นายอัดนัน กาซิม รองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินเอมิเรตส์ เปิดเผยว่า การเปิดตัว Emirates World นับเป็นก้าวสำคัญในการลงทุนครั้งที่สองของสายการบินเอมิเรตส์ในประเทศไทยภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน

 

นับตั้งแต่การเปิดตัวห้องรับรองผู้โดยสารระดับพรีเมียม ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ด้วยงบลงทุนราว 175 ล้านบาท (5 ล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งถือเป็นห้องรับรองที่ใหญ่ที่สุดของสายการบิน รองจากห้องรับรองที่สนามบินนานาชาติดูไบ  

 
ทั้งนี้ นายอัดนัน ให้เหตุผลว่า กรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในเส้นทางหลักที่แข็งแกร่งที่สุดของเอมิเรตส์ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำนักงานแห่งใหม่นี้จะนำเสนอความหรูหรา และการบริการระดับพรีเมียมของเอมิเรตส์สู่ย่านการค้าใจกลางกรุงเทพฯ ณ ศูนย์การค้าเกษร ซึ่งเป็นศูนย์การค้าระดับสูง 

 

 

โดยความโดดเด่นของสำนักงานขายแห่งนี้ได้ยกห้องรับรองจากเครื่องบินของสายการบินรุ่น A380 ให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสบรรยากาศที่หรูหรา พร้อมจัดแสดงที่นั่งชั้น Premium Economy ที่กำลังจะเริ่มให้บริการบนเที่ยวบิน EK372/373 ในเส้นทางระหว่างดูไบและกรุงเทพฯ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป
 

สำนักงานได้ออกแบบในรูปแบบห้องรับรองที่เปิดโล่ง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 250 ตารางเมตร และสะท้อนถึงการออกแบบที่โปร่งสบายของห้องโดยสารภายในเครื่องบินของสายการบินเอมิเรตส์

 

ภายในร้านมีเคาท์เตอร์ให้บริการผู้โดยสาร โดยมีที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเอมิเรตส์พร้อมให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดและเป็นส่วนตัว ทั้งในด้านการสำรองที่ยวบิน การออกบัตรโดยสาร และการให้ข้อมูลการเดินทาง ใครๆ ก็สามารถเข้ามาใช้บริการได้ ไม่จำกัดเฉพาะลูกค้าของสายการบิน 
 

Emirates World ในกรุงเทพฯ เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การขยายธุรกิจค้าของสายการบินเอมิเรตส์ที่ครอบคลุมทั่วโลก โดยต่อยอดจากความสำเร็จในการเปิดตัวสำนักงานฮ่องกง มะนิลา สิงคโปร์ และเมืองที่สำคัญอื่น ๆ ซึ่งถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในการนำเสนอนวัตกรรมการค้าด้านการเดินทางในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

 

อย่างไรก็ตาม สายการบินเอมิเรตส์มีแผนการลงทุน 27 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายใน 3 ปีข้างหน้า เพื่อเดินหน้าเปิดสำนักงานขาย Emirates World สู่เมืองสำคัญทั่วโลก เพื่อมอบประสบการณ์การบริการระดับพรีเมียมให้แก่ลูกค้า และเข้าถึงนักเดินทางทั่วทุกมุมโลก

 

ธุรกิจ-สินค้าแบรนด์หรูขับเคลื่อนด้วยท่องเที่ยวจากคนที่มีความมั่งคั่ง 

ด้านโชติกา ทั้งศิริทรัพย์ หัวหน้าแผนกที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการและวิจัยตลาด ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า วิวัฒนาการของธุรกิจสินค้าแบรนด์หรูของประเทศไทยขับเคลื่อนโดยการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง จำนวนบุคคลที่มีความมั่งคั่งสูงที่เดินทางเข้ามาเพิ่มมากขึ้น และความต้องการประสบการณ์ค้าปลีกที่เหนือกว่า ผู้พัฒนาและผู้ค้าปลีกที่ให้ความสำคัญกับทำเลที่ตั้ง นวัตกรรม และการสร้างสภาพแวดล้อมที่น่าประทับใจ จะสามารถก้าวไปพร้อมการเติบโตรอบใหม่ได้

จากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของพื้นที่ค้าปลีก และฐานผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น คาดว่าการแข่งขันธุรกิจค้าปลีกจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งจะผลักดันให้เกิดการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

 

และในขณะที่ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นตลาดสินค้าแบรนด์หรูชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การผนึกกำลังระหว่างภาคการท่องเที่ยวและการค้าปลีกจึงยังคงเป็นปัจจัยที่สำคัญในการกำหนดอนาคตของภาคธุรกิจนี้