posttoday

"สุรชาติ" เตือนไทยรับมือ 15 เรื่อง ย้ำประชาชนต้องเก็บเงินในกระเป๋า

01 พฤษภาคม 2568

สุรชาติ บำรุงสุข ประเมิน Trade War โลกกำลังเจอระเบียบใหม่ เตือนไทยรับมือเร่งด่วน 15 เรื่อง จากวิกฤตเศรษฐกิจ และการเมืองโลก โจทย์ใหญ่ที่สุดวันนี้คือสงครามชีวิตแต่ละครอบครัว คนไทยต้องเก็บเงินไว้บ้าง

ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในเสวนา Trade war เปลี่ยนวิกฤตโลก เป็นโอกาสไทย ในงาน “MOF Journey 150 ปี เส้นทางการคลังไทย” ว่า จากนี้ไป เชื่อว่าประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ทั้งการเมืองที่ยังทุลักทุเล เศรษฐกิจที่ยังผันผวน และสังคมที่ยังคงมีความเปราะบางรวมไปถึงปัญหาด้านความมั่นคง 

 

ทั้งนี้ยิ่งทำสงครามการค้า ก็ยิ่งเห็นความตึงเครียดระหว่างประเทศ คำถามคือปัญหาความตึงเครียดนี้จะนำไปสู่การเผชิญหน้าของรัฐมหาอำนาจเมื่อไหร่ ซึ่งสภาวะปัจจุบันเรียก 5 สงคราม 1 การแข่งขัน ดังนี้คือ 

 

  1. สงครามการเมือง
  2. สงครามการค้า
  3. สงครามการเงิน
  4. สงครามเทคโนโลยี
  5. สงครามข่าวสาร
  6. การแข่งขันสะสมอาวุธ

 

แปลว่าในภาพการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ จะเห็น 5 สงครามและการแข่งขัน ซึ่งหวังอย่างเดียวว่าจะไม่นำไปสู่สงครามอีกชุดหนึ่งคือ “สงครามการทหาร” เพราะถ้าถึงจุดนั้น คำตอบคือ “สงครามโลก” 

 

แต่ถ้ากลายเป็นสงครามชุดใหญ่ โลกจะรับมืออย่างไร ต้องไม่ลืมว่า ปีนี้ครบ 111 ปี ของการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 เราจะเลือกเส้นทางเหมือนสงครามโลกครั้งที่ 1 หรือไม่ หรือจะเลือกแบบสงครามเย็น เผชิญหน้ากันไป โดยไม่มีเงื่อนไขสงครามใหญ่ 

 

 

 

ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ กล่าวอีกว่า ในช่วงหลังมานี้ มักจะถูกถามคำถามคลาสสิก ว่าโลกจะเกิดสงครามหรือไม่?

 

หากย้อนกลับไปเดือนมกราคม 2567 อังกฤษประกาศว่า คนอังกฤษเป็น War Generation เป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับตน เพราะนั่นเท่ากับประกาศว่า ประเทศเตรียมเข้าสู่สงคราม รวมถึงหลายรัฐในยุโรปเริ่มให้คนเตรียมเสบียง ภาวะแบบนี้เริ่มเห็นธุรกิจใหม่ที่ไทยยังไม่มีคือ “ธุรกิจขายหลุมหลบภัย” เป็นธุรกิจใหญ่ในตะวันตก มีคนสั่งจองมากขึ้น ต่อให้ไทยไปขอจองสั่งซื้อ ก็ไม่น่าจะได้ นับเป็นเรื่องน่าห่วง

 

ภายใต้ปัจจัยที่น่ากังวลในครั้งนี้ สิ่งที่ประเทศไทยควรต้องเตรียมตัวเพื่อรองรับกับสถานการณ์ระเบียบโลกใหม่มีอย่างน้อย 15 เรื่องใหญ่ ซึ่งจะต้องเตรียมตัวอย่างจริงจัง ดังนี้

 

1.การเตรียมยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของไทยชุดใหม่ เพราะที่ผ่านมา การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี นับว่าล้มเหลว และหากจะผลักดันยุทธศาสตร์ดังกล่าวต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จะไม่สามารถตอบโจทย์ประเทศได้ในอนาคต ดังนั้นจึงต้องเร่งจัดทำยุทธศาสตร์เศรษฐกิจใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์

 

2.การจัดเตรียมงบประมาณด้านการเงิน โดยต้องจัดสรรงบประมาณประจำปีให้เหมาะสมกับขนาดของ GDP และสามารถรองรับวิกฤตเศรษฐกิจที่อาจเกิดจากระเบียบใหม่ของประธานาธิบดีทรัมป์

 

3.การเตรียมพร้อมของภาคสังคม โดยรัฐบาลต้องพร้อมรับมือกับปัญหาด้านความมั่นคงของประชาชน จากความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งอาจนำไปสู่การปิดกิจการและการว่างงานเพิ่มขึ้น รวมถึงการดูแลค่าครองชีพ

 

 

4.การเตรียมความพร้อมของภาคการผลิต เพื่อรองรับปัญหาการแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจ โดยต้องผลิตสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด

 

5.การเตรียมความพร้อมของภาคอุตสาหกรรม จากผลกระทบของการขึ้นภาษีโดยสหรัฐฯ ทั้งนำเข้า-ส่งออก

 

6.การเตรียมความพร้อมของภาคการเกษตร เรายังพูดน้อย คิดว่าอนาคตกำแพงภาษีจะกระทบภาคเกษตรมาก เช่น การต่อสู้เรื่องนำเนื้อหมูเข้า เป็นวาระใหญ่ในเศรษฐกิจอเมริกามานาน อีกไม่นานเราจะเจอ 

 

7.การเตรียมความพร้อมของภาคบริการ โดยเฉพาะจากการคาดการณ์ว่าการท่องเที่ยวจะลดลง แปลว่าการท่องเที่ยวที่เคยหวังเป็นหัวเรือจักรใหญ่ หรือวันนี้ภาคการท่องเที่ยวเป็นหัวรถจักรที่เครื่องยนต์ยังไม่ซ่อมจากโควิด ส่งผลกระทบต่อรายได้ประเทศ 

 

8.การเตรียมความพร้อมของภาคความมั่นคง โดยเฉพาะการตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ ถ้าไม่มีเงินก็ไม่ต้องซื้อ แต่ถ้าไม่ซื้อระบบการซ่อมอาวุธจะกลายเป็นโจทย์ใหญ่ 

 

9.การเตรียมความพร้อมของภาคการเมือง ต้องมีบุคลากรที่มีความรู้และทีมงานที่ดี รวมถึงความเข้าใจด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศ

 

10.เตรียมชีวิตประชาชน บนเงื่อนเขความยากจน วิกฤตค่าครองชีพ และปัญหาราคาสินค้าที่สูงขึ้น 

 

11.การรับมือกับการทุ่มตลาดสินค้าจากประเทศจีน เพราะไปตะวันตกไม่ได้ สินค้าจะทะลักไทยและอาเซียน

 

12.การเตรียมพร้อมรองรับการตั้งโรงงานใหม่ และการป้องกันปัญหาสินค้าสวมสิทธิ์จากจีน ไทยต้องจริงจังกว่านี้ 

 

13.การเตรียมความพร้อมด้านอารมณ์ของประชาชน ที่อาจรุนแรงขึ้น หากการเจรจากับสหรัฐฯ ไม่มีความคืบหน้า โดยเฉพาะก่อนเส้นตายวันที่ 7 กรกฎาคม

 

14.การรับมือกับผลกระทบทางการเมือง หากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจหลังวันที่ 7 กรกฎาคม

 

15.การหาเสียงของพรรคการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งประเด็นเศรษฐกิจจะเป็นโจทย์ใหญ่ การแจกเงินและโฆษณาเชิงประชานิยมจะเพิ่มขึ้น 

 

สุดท้าย ศ.ดร.สุรชาติ บำรุงสุข สรุปข้อแนะนำประชาชนว่า ขอให้เก็บเงินบ้าง เที่ยวได้ ดื่มได้ แต่ขอให้ประหยัด เพราะวิกฤตเศรษฐกิจจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ

 

"ผมคิดว่า สภาวะที่เรากำลังเห็นวันนี้ โจทย์ใหญ่ที่สุดคือสงครามชีวิตแต่ละครอบครัว ในภาวะแบบนี้เหมือนมือที่มองไม่เห็น ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นมือที่พร้อมจะหยิบเงินออกจากประเป๋าประชาชน วันนี้ข้อดีมีแค่เรื่องเดียวคือราคาพลังงานไม่ผันผวน ถ้าพลังงานผันผวน และทรัมป์มาแบบนี้ ธุรกิจหนักกว่าเดิม ฉะนั้นเก็บเงินไว้บ้าง"
 

ข่าวล่าสุด

ครม. ทบทวน EV3 เพิ่มความยืดหยุ่น หนุนไทยสู่ฐานผลิต EV โลก