จับตาภาษี "ทรัมป์" กับทิศทางราคา iPhone และ สินค้า Apple ในไทย
จับตาภาษี "ทรัมป์"! กระทบราคาสินค้า Apple ในประเทศไทยโดยตรงหรือไม่? ทิศทางราคา iPhone, iPad จะปรับขึ้นไหม? ส่องทุกปัจจัยต้องรู้
Apple ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญ เมื่อมาตรการ “ภาษีทรัมป์” ล่าสุดกำลังส่งผลกระทบต่อฐานการผลิตสินค้าของบริษัทที่กระจายอยู่ทั่วโลก
Apple เป็นที่รู้จักจากการออกแบบผลิตภัณฑ์ล้ำสมัย ได้วางรากฐานการผลิตสินค้าของตนเองในหลากหลายประเทศ โดยมีจีนเป็นศูนย์กลางการผลิตหลักมาอย่างยาวนาน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Apple ได้เริ่มมองหาทางเลือกอื่นเพื่อลดความเสี่ยงและตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก ซึ่งนำไปสู่การขยายฐานการผลิตไปยังประเทศต่างๆ เช่น อินเดียและเวียดนาม
ทว่า ความพยายามในการกระจายความเสี่ยงนี้กลับต้องเผชิญกับอุปสรรคใหม่ เมื่อทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าตอบโต้ ที่ส่งผลกระทบต่อ 180 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศที่ Apple เล็งขยายฐานการผลิต
จีน ฐานผลิตหลักที่ยังสั่นคลอน
แม้ Apple จะพยายามลดการพึ่งพาการผลิตในประเทศจีน แต่ก็ต้องยอมรับว่าจีนยังคงเป็นฐานการผลิตที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง iPhone ซึ่งมีการประกอบในจีนมากถึง 90%
ข้อมูลจาก Evercore ISI ระบุว่า กำลังการผลิตโดยรวมของ Apple ในจีนยังคงสูงถึงประมาณ 80%
ขณะที่ Bernstein พบว่าจำนวนโรงงานผลิตของ Apple ในจีนกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญอย่างต่อเนื่องของจีนในห่วงโซ่อุปทานของ Apple
ไม่เพียงเท่านั้น ซัพพลายเออร์ชาวจีนยังคงมีบทบาทสำคัญ โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของซัพพลายเออร์ทั้งหมดของ Apple
และยังเป็นฐานการประกอบผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของบริษัท เช่น Mac (55%) และ iPad (80%) อีกด้วย โดยมี Foxconn เป็นพันธมิตรผู้ผลิต iPhone รายหลัก
อินเดีย-เวียดนาม ความหวังใหม่ยังริบหรี่
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา Apple ได้เร่งขยายฐานการผลิต iPhone ในอินเดียอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นผลจากการสนับสนุนของรัฐบาลอินเดียที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการผลิตสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูงในประเทศ
โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนการผลิต iPhone ในอินเดียให้สูงถึงประมาณ 25% ของการผลิตทั่วโลกในอนาคตอันใกล้ และนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าภายในสิ้นปี 2568 อินเดียอาจมีสัดส่วนการผลิต iPhone โดยรวมอยู่ที่ 15-20%
ขณะเดียวกัน เวียดนามได้กลายเป็นศูนย์กลางสำคัญอีกแห่งหนึ่งสำหรับการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จาก Apple
ข้อมูลจาก Evercore ISI ชี้ว่า iPad ประมาณ 20% และ Apple Watch 90% ถูกประกอบในเวียดนาม
อย่างไรก็ตาม มาตรการภาษีทรัมป์ อาจส่งผลกระทบต่อแผนการขยายฐานการผลิตของ Apple ในอินเดียและเวียดนาม
เนื่องจากบริษัทอาจต้องเผชิญกับภาษีถึง 26% และ 46% ตามลำดับ ซึ่งอาจกระทบต่อต้นทุนและแผนการลงทุนระยะยาว
นอกจาก iPhone, iPad และ Apple Watch แล้ว Apple ยังมีฐานการผลิตสินค้าอื่นๆ ในอีกหลายประเทศทั่วโลก ตัวอย่างเช่น มาเลเซีย ซึ่งเป็นแหล่งผลิต Mac ที่กำลังเติบโตและต้องเผชิญกับภาษี 25%
รวมถึงประเทศไทย ซึ่งเป็นฐานการผลิต Mac ขนาดเล็กอีกแห่งหนึ่งและจะได้รับผลกระทบจากภาษี 36% เช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น Apple ยังพึ่งพาชิ้นส่วนต่างๆ มาจาก 43 ประเทศทั่วโลก รวมถึงเซมิคอนดักเตอร์จาก Taiwan Semiconductor Manufacturing Co. (TSMC)
ซึ่งชิ้นส่วนเหล่านี้อาจถูกส่งผ่านหลายพรมแดนก่อนที่จะนำไปประกอบขั้นสุดท้ายในประเทศจีนหรือภูมิภาคอื่น จึงมีความเสี่ยงเป็นพิเศษต่อภาษีของสหรัฐฯ ที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากจีน
ภาษีทรัมป์กับผลกระทบต่อราคา iPhone ในไทย
การประกาศขึ้นภาษีนำเข้าโต้ตอบของทรัมป์อาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้า Apple ที่จำหน่ายในประเทศไทยได้หลายปัจจัย แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรง อาทิ
- กลยุทธ์ด้านราคาของ Apple: หาก Apple เผชิญกับต้นทุนการผลิตและการจัดจำหน่ายที่สูงขึ้นอย่างมากสำหรับสินค้าที่ส่งไปยังตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่ Apple อาจพิจารณาปรับกลยุทธ์ด้านราคาในตลาดอื่นๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย เพื่อรักษาระดับความสามารถในการทำกำไรโดยรวม
- อัตราแลกเปลี่ยน: อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทไทยกับดอลลาร์สหรัฐฯ และสกุลเงินอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้า Apple จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดราคาสินค้าในประเทศไทย การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนอาจทำให้ราคาสินค้านำเข้าผันผวนได้
- ภาษีนำเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่มของไทย: โครงสร้างภาษีของประเทศไทยเอง ทั้งภาษีนำเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดราคาสินค้า Apple ในตลาดท้องถิ่น การเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีของไทยอาจส่งผลกระทบต่อราคาโดยตรง
- การแข่งขันในตลาด: การแข่งขันที่รุนแรงจากแบรนด์เทคโนโลยีอื่นๆ ในประเทศไทยอาจจำกัดความสามารถของผู้ค้าปลีกในการผลักภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังผู้บริโภค หาก Apple หรือผู้จัดจำหน่ายพยายามขึ้นราคามากเกินไป ผู้บริโภคอาจหันไปเลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์คู่แข่งแทน
- ความต้องการของผู้บริโภค: ระดับความต้องการสินค้า Apple ในประเทศไทยก็มีอิทธิพลต่อการกำหนดราคา หากความต้องการยังคงสูง ผู้ค้าปลีกอาจมีความยืดหยุ่นในการปรับราคาขึ้นได้มากกว่า
หรืออาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า ประเทศไทยนำเข้า iPhone แต่ไม่ใช่ฐานการผลิตหลัก หากราคาในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น อาจส่งผลกระทบทางอ้อมต่อราคาในตลาดโลก รวมถึงไทยเช่นกัน
ภาษีทรัมป์กับผลกระทบต่อราคา iPhone ในไทย น่าจะเกิดจากกลยุทธ์การกำหนดราคาของ Apple ทั่วโลก เพื่อตอบสนองต่อภาษีทรัมป์มากกว่าภาษีโดยตรงของสหรัฐฯ ที่เรียกเก็บจากสินค้าที่นำเข้าไปยังประเทศไทย
หาก Apple ปรับขึ้นราคาในระดับโลกเพื่อชดเชยภาษีของสหรัฐฯ ผู้บริโภคชาวไทยก็น่าจะได้เห็นราคาที่สูงขึ้นเช่นกัน


