งานเข้า 'ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช' โครงการ SAF บางจากหมื่นล้าน ส่อเจ๊ง

โครงการผลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF) ของ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ที่นำน้ำมันปรุงอาหารที่ใช้แล้วจากภาคอุตสาหกรรมมาผลิต กำลังเจอแรงสะเทือนจากภายในบริษัท

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการบริษัทบางจาก เปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบเอกสารพบว่ามีแนวโน้มว่าโครงการ SAF จะไม่สามารถผลิตได้ตามแผน เนื่องจากพบปัญหาวัตถุดิบในการผลิตนำมันอากาศยานยั่งยืนขาดแคลน อาจไม่มีตามจริงในแผนที่ประกาศไว้ ประเป็นปัญหาก็คือมีแนวโน้มกระทบความสามารถในการหารายได้ ก่อให้โครงการเกิดการขาดทุนจนส่งผลต่อบริษัท

บริษัทบางจากประกาศทุ่มงบประมาณลงทุน 10,000 ล้านบาท เมื่อกลางปี 2566 โดยตั้งเป้าเริ่มผลิตปี 2567 เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำพลังงานแห่งอนาคต โดยชูธงผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนรายแรกในประเทศไทย เกาะกระแสลดการปล่อยคาร์บอนในภาคอุตสาหกรรมการบิน ตอบโจทย์ BCG Economy Model สอดคล้องนโยบายบริษัทและเป็นไปตามเทรนด์ของโลก 

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่ บางจาก คอร์ปอเรชั่น และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท เป็นผู้รับผิดชอบ โครงการมูลค่านับหมื่นล้านนี้ และวาดฝันว่าเป็นโครงการแห่งอนาคตที่จะทำกำไรให้บางจาก วันนี้ส่อแววเสียหาย แถมแผนบรรเทาความเสี่ยงก็ไม่ชัดเจน

คำถามสำคัญจึงอยู่ที่ว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นใครเป็นผู้รับผิดชอบ และการไม่สามารถบรรเทาความเสี่ยงได้จริงนั้น เป็นเพราะปัญหาทางธุรกิจ หรือมีเรื่องที่มากกว่านั้น ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวภายในยังสะท้อนความกังวลของพนักงานและผู้บริหารระดับกลางต่อแนวทางการตัดสินใจลงทุนที่เร่งรีบ และอาจขาดการประเมินความเสี่ยงอย่างรอบด้าน

“นายชัยวัฒน์ประกาศความพร้อมในฐานะผู้บุกเบิกการผลิต Neat SAF 100% ในประเทศไทยด้วยกำลังการผลิต 1 ล้านลิตรต่อวัน แต่ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะวัตถุดิบที่นำมาผลิต ไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผน” ” แหล่งข่าวกล่าว

มีการทำแผนวางระบบที่ได้รับการรับรองระดับสากล International Sustainability and Carbon Certification (ISCC) ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่ ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ การผลิต ไปจนถึงการขนส่ง 

รายงานข่าวระบุด้วยว่า กรรมการได้ตรวจสอบจากเอกสารบริษัทพบว่า โครงการ SAF ซึ่งเป็นโครงการลงทุนหลักในช่วงที่ผ่านมา ไม่สามารถดำเนินการผลิตได้ตามแผน ส่งผลกระทบต่อกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) ของ BSGF ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจที่รับผิดชอบ โดยระบุความเสียหายไว้สูงถึง 1,879 ล้านบาท และจัดอยู่ในระดับ “ความเสี่ยงสูงสุด” 

แม้จะมีการระบุว่าได้มีการดำเนินมาตรการบรรเทา เช่น การบริหารต้นทุนและการเจรจาปรับรูปแบบธุรกิจ แต่ตัวเลขความเสียหายกลับ ไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย สะท้อนว่าแผนที่วางไว้อาจไม่มีผลในทางปฏิบัติ หรือไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริง

“กรรมการบางรายเริ่มซักถามในที่ประชุมถึง ความชอบมาพากลของการจัดหาวัตถุดิบ โดยเฉพาะน้ำมันใช้แล้ว (UCO – Used Cooking Oil) ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของการผลิต SAF และเคยถูกพูดถึงในวงการว่าอาจไม่มีอยู่จริงในปริมาณที่อ้าง” แหล่งข่าวย้ำ

รายงานข่าวระบุถึงเหตุการณ์สำคัญด้วยว่า มีผู้บริหารระดับสูงของโครงการลาออก เพราะไม่เห็นด้วยกับแนวทางที่มีความเสี่ยงและไม่ก่อให้เกิดความสำเร็จ ทำให้บริษัทที่เป็นหุ้นส่วนของ BSGF ต้องชดใช้ความเสียหายแทน แต่ไม่ปรากฏข่าวดังกล่าว ไม่มีการแจ้งผู้ถือหุ้น หรือบอร์ดบางจากแต่อย่างใด

สำหรับ BSGF เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 51% บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) 29% และบริษัท ธนโชค ออยล์ ไลท์ จำกัด 20%  ด้วยงบลงทุน 9,000-10,000 ล้านบาท.