posttoday

มารีน่าเบย์ สถานบันเทิงครบวงจร ต้นแบบ Man Made Destination

02 เมษายน 2568

เปิดโมเดล มารีน่าเบย์ สถานบันเทิงครบวงจร ต้นแบบ Man Made Destination การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น ของสิงคโปร์ ย้อนความสำเร็จที่ไม่ใช่แค่สร้างกาสิโน

การพลักดันสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดย รัฐบาลได้เสนอ ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ... เข้าบรรจุวาระการพิจารณาของสภา ในวันที่ 3 เม.ย. 68 หลังได้รับความเห็นชอบในหลักการจากที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568  กำลังได้รับความสนใจจากสังคมมากขึ้น โดยก่อนหน้ามีข้อถกเถียง มีข้อห่วงกังวลว่า การทำสถานบันเทิงครบวงจร จะเป็นการเพิ่มแหล่งการพนันที่ถูกกฎหมายขึ้นมา  หรือที่เรียกว่า กาสิโนขึ้นมาหรือไม่ 

ทั้งนี้ ในมุมมองของรัฐบาล ได้อธิบายถึงโครงการดังกล่าว่า จะเป็นการเปิดธุรกิจใหม่ เป็นการสร้างสถานที่ท่องเที่ยวที่ครอบคลุมทั้ง โรงแรม ห้างสรรพสินค้า สวนสนุก สถานที่จัดประชุมขนาดใหญ่ และสถานที่จัด คอนเสิร์ตขนาดใหญ่ ฯ อย่างพรั่งพร้อม เป็นการสร้างแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น หรือ Man Made Destination โดยมี "มารีน่าเบย์แซนด์" (Marina Bay Sands)ของสิงคโปร์ เป็นต้นแบบความสำเร็จ

เปิดต้นแบบมารีน่าเบย์แซนด์ ความสำเร็จของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

รัฐบาลสิงคโปร์ ได้เปิดการประมูลแข่งขันเพื่อพัฒนารีสอร์ทแบบบูรณาการ (Integrated Resort)ในปี 2006 ซึ่งเป็นการพัฒนาในรูปแบบดังกล่าวเป็นแห่งที่ 2 ต่อจากโครงการรีสอร์ทแบบบูรณาการแห่งแรกที่ตั้งอยู่บนเกาะเซนโตซา ภายใต้การดำเนินงานของ- Genting Singapore  

ในการดำเนินโครงการครั้งนี้ ได้เพิ่มเติมในส่วนของกาสิโนเข้ามาในพื้นที่พัฒนาเพื่อให้ครอบคลุมความเป็น สถานบันเทิงครบวงจรยิ่งขึ้น   โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความน่าสนใจของสิงคโปร์ในฐานะจุดหมายปลายทางสำหรับธุรกิจและการพักผ่อน โดย บริษัท Las Vegas Sands ได้รับการคัดเลือกให้พัฒนาพื้นที่มารีน่าเบย์ ซึ่งอยู่ติดกับย่านธุรกิจกลางของสิงคโปร์

มารีน่าเบย์ สถานบันเทิงครบวงจร ต้นแบบ Man Made Destination

ข้อตกลงการพัฒนาระหว่าง MBS และ STB มีเงื่อนไขที่สำคัญหลายประการ เช่น

1. ระยะเวลาสัมปทานกาสิโน สัมปทานมีกำหนด 30 ปีนับจากวันที่ลงนามในข้อตกลงการพัฒนา(23 สิงหาคม 2549) หากต้องการต่ออายุสัมปทาน MBS ต้องแจ้ง STB และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ในสิงคโปร์อย่างน้อย 5 ปีก่อนที่จะหมดอายุในเดือนสิงหาคม 2579 รัฐบาลสิงคโปร์อาจยกเลิกสัมปทานกาสิโนก่อนหมดอายุเพื่อประโยชน์สูงสุดของสาธารณะ ซึ่งในกรณีนี้จะมีการจ่ายค่าชดเชยที่เป็นธรรมให้กับ MBS

2. ช่วงเวลาเอกสิทธิ์: STB ได้กำหนดช่วงเวลาเอกสิทธิ์ 10 ปี ซึ่งเริ่มเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2552 โดยมีการออกใบอนุญาตให้ดำเนินการกาสิโนในสิงคโปร์เพียงสองใบเท่านั้น ต่อมาเอกสิทธิ์นี้ได้รับการขยายไปจนถึงปี 2574 นอกจากนี้ ในช่วงเวลาเอกสิทธิ์นี้ Las Vegas Sands จะต้องยังคงเป็นนิติบุคคลรายเดียวที่ใหญ่ที่สุดที่มีผลประโยชน์ควบคุมทางตรงหรือทางอ้อมอย่างน้อย 20% ใน MBS

3. ข้อกำหนดการลงทุนขั้นต่ำ ข้อตกลงการพัฒนากำหนดให้ MBS ลงทุนอย่างน้อย 3.85 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 2.98 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ อัตราแลกเปลี่ยนวันที่ 31 ธันวาคม 2010) ในรีสอร์ทแบบบูรณาการ โดยการลงทุนนี้จะถูกจัดสรรในจำนวนที่ระบุระหว่างคาสิโน โรงแรม ร้านอาหารและเครื่องดื่ม พื้นที่ค้าปลีก สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการประชุม การจัดแสดง และนิทรรศการ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ สถานที่บันเทิง และพื้นที่สาธารณะ

มารีน่าเบย์ สถานบันเทิงครบวงจร ต้นแบบ Man Made Destination

4. ข้อจำกัดของกาสิโน พื้นที่เล่นเกมต้องไม่เกิน 15,000 ตารางเมตร (ประมาณ 161,000 ตารางฟุต) และต้องไม่มีเครื่องเล่นเกมเกิน 2,500 เครื่อง แต่ไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับจำนวนโต๊ะเกม

5. ภาษี มีภาษีสินค้าและบริการ 7% ที่เรียกเก็บจากรายได้จากการเล่นเกมขั้นต้น และภาษีกาสิโน 15% ที่เรียกเก็บจากรายได้จากการเล่นเกมขั้นต้นจากกาสิโนหลังจากหักภาษีสินค้าและบริการ ยกเว้นในกรณีของการเล่นเกมโดยผู้เล่นระดับพรีเมียม ซึ่งในกรณีนี้จะมีการเรียกเก็บภาษีคาสิโน 5% อัตราภาษีถูกกำหนดให้ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นระยะเวลา 15 ปีนับจากวันที่ 29 มกราคม 2552 แต่ในปี 2567 มีการเพิ่มขึ้นของอัตราภาษีการพนัน 3% ในสิงคโปร์ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของภาษีมูลค่าเพิ่ม 1%

มารีน่าเบย์ สถานบันเทิงครบวงจร ต้นแบบ Man Made Destination

Marina Bay Sands ดำเนินการภายใต้สัมปทานกาสิโนเป็นระยะเวลา 30 ปีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการพัฒนาที่ลงนามในเดือนสิงหาคม 2006 กับ Singapore Tourism Board (STB) กับ Marina Bay Sands Pte. Ltd. (MBS) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นทั้งหมดโดยกลุ่ม Las Vegas Sands 

โครงการนี้ประกอบด้วยองค์ประกอบหลักหลายส่วนที่ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างประสบการณ์แบบบูรณาการสำหรับผู้เข้าชม ดังนี้

1. โรงแรมสามหอคอย: สูง 55 ชั้น มีห้องพักและห้องสวีทประมาณ 2,600 ห้อง การออกแบบที่ทันสมัยและหรูหราทำให้โรงแรมนี้เป็นหนึ่งในที่พักชั้นนำของสิงคโปร์

2. Sands SkyPark™: ตั้งอยู่บนยอดหอคอยโรงแรมทั้งสาม เป็นพื้นที่นันทนาการกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่มีสระว่ายน้ำระบบอินฟินิตี้ความยาว 150 เมตร และร้านอาหารและสถานบันเทิงชั้นนำ

3.กาสิโน: พื้นที่เล่นเกมประมาณ 161,000 ตารางฟุต มีโต๊ะเกมประมาณ 500-620 โต๊ะและเครื่องสล็อตและเกมอิเล็กทรอนิกส์ (ETG) 2,300-3,000 เครื่อง กาสิโนได้รับการออกแบบให้ดึงดูดทั้งนักเล่นเกมระดับ VIP และนักเล่นเกมระดับมวลชน 

4. ศูนย์การค้า (The Shoppes at Marina Bay Sands): พื้นที่ค้าปลีกประมาณ 615,633 ตารางฟุต มีร้านค้าชั้นนำกว่า 170 ร้าน รวมถึงแบรนด์หรูระดับโลก ร้านอาหารจากเชฟชื่อดัง และความบันเทิงในร่ม เช่น Louis Vuitton, Zara, Chanel, Gucci, Dior, Burberry, Prada, Fendi, Moncler, Hermès, Cartier และ Apple โดยกลยุทธ์ของกลุ่ม Sands คือการหาผู้เช่าที่น่าสนใจซึ่งดึงดูดลูกค้าและให้ตัวเลือกการช้อปปิ้งที่หลากหลาย เน้นแฟชั่นหรูหราและร้านอาหารในตลาดระดับพรีเมียม 

5. ศูนย์การประชุมและนิทรรศการ: พื้นที่สำหรับการประชุมและการจัดงานประมาณ 1.2-1.3 ล้านตารางฟุต รองรับการจัดประชุม นิทรรศการ และงานอีเวนต์ระดับนานาชาติ

6. ความบันเทิง: โรงละครที่ทันสมัยสำหรับการแสดงบรอดเวย์ คอนเสิร์ต และงานกาล่าต่างๆ ทำให้ Marina Bay Sands เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมที่สำคัญของสิงคโปร์

7. พิพิธภัณฑ์ศิลปะและวิทยาศาสตร์: ตั้งอยู่ในโครงสร้างที่เป็นรูปดอกบัวที่โดดเด่น เป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการศิลปะและวิทยาศาสตร์จากทั่วโลก เสริมมิติทางวัฒนธรรมให้กับโครงการ

มารีน่าเบย์ สถานบันเทิงครบวงจร ต้นแบบ Man Made Destination
สำหรับผลการดำเนินการ ตามตัวเลขที่เผยแพร่โดย STB ในปี 2553 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปยังสิงคโปร์ 11.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปี 2552 โดยมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมจะกว่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2553 เพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ระยะเวลาพำนักเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวในปี 2553 คือ 3.9 วัน

ในปี 2566 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวสิงคโปร์ 13.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากประมาณ 6.3 ล้านคนในปี 2565 แม้ว่าตัวเลขนี้ยังคงลดลง 28.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2019 ก่อนการระบาดของ COVID-19 โดยตลาดแหล่งที่ใหญ่ที่สุดของนักท่องเที่ยวที่มาสิงคโปร์คืออินโดนีเซียและจีน ซึ่งคิดเป็น 20% และ 10% ของนักท่องเที่ยวตามลำดับ 

ผลการดำเนินงานของ Marina Bay Sands หลังโควิด-19 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 พบว่ามีรายได้สุทธิ 1.33 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาทเมื่อเทียบกับปี 2566 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจากการเปิดพรมแดนและการยกเลิกข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับการระบาดใหญ่ และการเพิ่มขึ้นของการของผู้โดยสารทางอากาศ ในจำนวนนี้เป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากกาสิโน 1 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากปริมาณการเล่นเกมบนโต๊ะและเครื่องสล็อตที่เพิ่มขึ้น

ในรายงานงบการเงินของ Las Vegas Sands  ระบุ ตลาดการเล่นกาสิโนโดยรวมมีทั้งกลุ่ม VIP และกลุ่มการเล่นเกมมวลชน โดยบาคาร่าเป็นเกมบนโต๊ะที่ได้รับความนิยมทั้งในกลุ่ม VIP และกลุ่มการเล่นเกมมวลชน

ลูกค้าที่เล่นเกมส่วนใหญ่มาจากตลาดหลักคือ สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ต่างจากตลาดกาสิโนส่วนใหญ่ในเอเชีย เพราะตลาดการเล่นเกม VIP ของสิงคโปร์ไม่ได้ขับเคลื่อนโดยกิจกรรมของตัวแทนนำเที่ยว (junket) เนื่องจากระเบียบข้อบังคับที่เข้มงวด
 

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด อาร์เซน่อล พบ คริสตัล พาเลซ คาราบาวคัพ วันนี้