สหกลอิควิปเม้นท์ จ่อฟ้อง กฟผ.หากไม่ลงนาม “ถ่านหินเหมืองแม่เมาะ” ภายใน 7 วัน

จากกรณี บริษัท สหกลอิควิปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เดินหน้าทำหนังสือทวงถามผลอุทธรณ์งานจ้างเหมาขุด ขนถ่านหินเหมืองแม่เมาะ สัญญาที่ 8/1 วงเงิน 7,250 ล้านบาท จาก กฟผ. ด้วยเหตุผลว่า ผลวินิจฉัยผ่านผู้มีอำนาจเรียบร้อยแล้ว และอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ต่อมาคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ของ กฟผ. ได้สรุปผลแล้ว ตีตกคำร้อง ทั้ง 3 ข้ออุทธรณ์ ปมจัดซื้อจัดจ้างงานจ้างเหมาขุด-ขนถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะ ล่าสุด 31 มกราคม 2568 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ได้ส่งเอกสารแจ้งความคืบหน้ากรณีดังกล่าว มีใจความสำคัญว่า "คำอุทธรณ์ที่ได้แย้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการจ้างโดยวิธีพิเศษนั้น ฟังไม่ขึ้น"

จ่อฟ้องหากไม่ลงนามภายใน 7 วัน

แต่โครงการดังกล่าวก็ยังไม่มีความคืบหน้าในการลงนามในสัญญาแต่อย่างใด ทำให้ สหกลอิควิปเม้นท์ ได้ส่งหนังสือทวงถามต่อผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ให้เร่งลงนามในสัญญาภายใน 7 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือ โดยลงวันที่ในหนังสือวันที่ 5 มีนาคม 2568 ไม่เช่นนั้น จะขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินคดีกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำให้โครงการล่าช้าทั้ง คดีทั้งทางปกครอง อาญาและแพ่ง

ยืนยันความชอบธรรมเป็นบริษัทที่ถูกต้องทุกประการ

หนังสือดังกล่าวระบุว่า ตามที่บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ("บริษัทฯ") ได้ยื่นข้อเสนอสำหรับงานเหมา-ชุดดินและถ่านที่เหมืองแม่เมาะ สัญญาที่ 81/จำนวน 2 รายการ ต่อการไฟฟ้าผ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ("กฟผ.") และเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 กฟผ. ได้ประกาศผลให้บริษัทฯ เป็นผู้ชนะได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้รับจ้างสำหรับงานจ้างดังกล่าว 

เนื่องจากบริษัทฯ เป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามเงื่อนไขการประมูลทุกประการและเป็นผู้ที่เสนอราคาต่ำที่สุด ดังความละเอียดทราบแล้วนั้น

ต่อมา บริษัทฯ ทราบว่า บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) อุทธรณ์ผลการคัดเลือกงานจ้างดังกล่าวต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การจัดซื้อจัดจ้างสายงานรองผู้ว่าการเชื้อเพลิงของ กฟผ. ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ฯ ได้พิจารณาและวินิจฉัยยกคำค้าร้องของบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

จึงทำให้บริษัทฯ เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้โดยชอบธรรม และถูกต้องตามหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกขอบเขตของงานและกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกประการ ซึ่งเป็นไปตามที่กฟผ.แจ้งให้บริษัทเป็นผู้ได้รับคัดเลือกการจัดซื้อจัดจ้างรายละเอียดตามหนังสือที่อ้างถึง

ดังนั้น การจัดซื้อจัดจ้างครั้งนี้ จึงสามารถดำเนินการต่อไปได้ และกฟผ.ต้องลงนามในสัญญาจ้างกับบริษัททันทีที่ได้รับแจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ การที่กระทรวงพลังงานมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีงานจ้างเหมาขุด-ขนดินและถ่านที่เหมืองแม่เมาะ จึงมิควรเกี่ยวข้องหรือส่งผลกระทบในทางใดๆต่อการลงนามสัญญาจ้างดังกล่าว

นอกจากนี้บริษัทมีความกังวลว่า หากงานจ้างเหมาขุดขนดินและฐานที่เหมืองแม่เมาะสัญญาที่ 8/1 เกิดความล่าช้าออกไป ย่อมส่งผลกระทบต่อแผนงานที่บริษัทได้เสนอไว้ต่อ กฟผ.

จ่อฟ้องทุกฝ่ายหากไม่ลงนามสัญญาจ้างภายใน 7 วัน

และกระทบต่อระยะเวลายืนราคาค่าจ้าง อันทำให้บริษัทต้องรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อันมิได้เกิดจากความผิดพลาดของบริษัท นอกจากนี้ความล่าช้าดังกล่าว ยังส่งผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าของประเทศ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป

เนื่องจากเหมืองแม่เมาะไม่สามารถผลิตถ่านหินให้เพียงพอกับความต้องการของโรงไฟฟ้าแม่เมาะได้ เป็นผลให้ต้องลดกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าแม่เมาะด้วย กฟผ.ต้องสั่งผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าประเภทอื่นที่มีต้นทุนการผลิตสูงขึ้นแทนซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาค่าไฟฟ้าโดยรวมของประเทศและเป็นภาระต่อประชาชนอย่างมาก

บัดนี้ระยะเวลาการลงนามในสัญญาจ้างได้ล่วงเลยมานานแล้ว บริษัทจึงขอให้กฟผ.กำหนดวันลงนามในสัญญาจ้างโดยเร็ว ทั้งนี้ภายใน 7 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือฉบับนี้

อนึ่ง บริษัทในฐานะเอกชนผู้สุจริตที่ได้รับการคัดเลือกโดยถูกต้องตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด ขอสงวนสิทธิ์อันพึงมีตามกฎหมายในการดำเนินคดี ทั้งทางปกครอง ทางอาญา และทางแพ่งต่อหน่วยงานหรือบุคคลใดๆผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำให้เกิดความล่าช้าเสียหายในการลงนามสัญญาจ้างของบริษัท

ส่องผลกระทบโครงการล่าช้า

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น กฟผ.ชี้แจงว่า หากการลงนามสัญญาจ้างเหมาขุด-ขนดินและถ่าน ทีเหมืองแม่เมาะสัญญาที่ 8/1 ยังไม่ได้ดำเนินการ เนื่องจากคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีงานจ้างเหมาขุด-ขนถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะ ของ กฟผ. แต่งตั้งตั้งโดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ 

ทำให้โรงไฟฟ้าแม่เมาะต้องลดกำลังการผลิตลง 300 เมกะวัตต์/วัน ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป

กรณีเริ่มงานสัญญาที่ 8/1 ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2568 ผู้รับจ้างสัญญาที่ 8/1 ต้องใช้ระยะเวลาเตรียมถ่านสำรองให้มีปริมาณเพียงพอ ทำให้โรงไฟฟ้าแม่เมาะต้องลดกำลังการผลิตลงอีก 500 เมกะวัตต์/วัน รวมเป็นกำลังการผลิตที่ลดลง 800 เมกะวัตต์/วัน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน-31 พฤษภาคม 2568