เกณฑ์ 50 ล้านเล่นกาสิโนได้ "ส่อเค้าล่ม" ขัดแนวคิดรัฐบาล ไม่ดึงพนันผิดกม.เข้าระบบ
ส่อเค้าไม่ได้ไปต่อเงื่อนไขต้องมีเงินฝากในบัญชี 50 ล้านบาท ถึงเข้าเล่นกาสิโนได้ รัฐบาลชี้ เสี่ยงผลักดันผู้เล่นกลับไปเล่นพนันในแหล่งผิดกฎหมาย-ชายแดน ขัดแย้งแนวคิดรัฐบาล จับตาหารือกฤษฎีกาอีกรอบ ก่อนชงให้ครม.ไฟเขียว
การเปิด "กาสิโน" ในประเทศไทยกำลังเป็นหัวข้อที่ถูกจับตามองจากหลายฝ่ายอย่างมาก โดยเฉพาะข้อกำหนดที่มีในร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งรวมถึงการเปิดกาสิโนในรูปแบบที่ถูกกฎหมาย ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลไทย
ก่อนหน้านี้คณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีการปรับร่างกฎหมายแก้ไขข้อกำหนดที่สำคัญในร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ
กำหนดให้ผู้เล่นต้อง มีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ติดต่อกันอย่างน้อย 6 เดือน เพื่อจะสามารถเข้าใช้บริการในส่วนของกาสิโนได้
ข้อกำหนดนี้ กลายเป็นจุดที่ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามถึงความเหมาะสมและผลกระทบที่อาจตามมา รวมถึงนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่ออกมาเปิดเผยว่า
เงื่อนไขในการกำหนดเงินฝาก 50 ล้านบาท อาจขัดแย้งกับแนวคิดหลักของรัฐบาล ซึ่งมุ่งหวังให้สามารถดึงคนที่เล่นการพนันผิดกฎหมายให้เข้ามาอยู่ในระบบที่ถูกต้อง แต่หากมีการตั้งเกณฑ์สูงเช่นนี้ กลับอาจผลักดันให้ผู้เล่นที่ไม่มีเงินฝากตามเกณฑ์ดังกล่าวหันไปเล่นการพนันนอกระบบในพื้นที่ที่ไม่มีกฎหมายควบคุม
เกณฑ์ไม่ตรงกับแนวคิดรัฐบาล
จุลพันธ์ระบุว่า หากรัฐบาลกำหนดให้ผู้ที่ต้องการเข้าเล่นกาสิโนต้องมีเงินฝากในบัญชี 50 ล้านบาท แสดงว่ามีคนจำนวนไม่มากที่จะสามารถเข้าถึงได้
จำนวนบัญชีธนาคารที่มีเงินฝากระดับนี้ในประเทศมีเพียงประมาณ 10,000 บัญชีเท่านั้น ถือเป็นจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ที่เล่นการพนันผิดกฎหมายทั่วประเทศ
นั่นหมายความว่า เกณฑ์นี้อาจทำให้ผู้ที่ไม่สามารถมีเงินฝากตามเกณฑ์ดังกล่าว ยังคงไปเล่นการพนันในสถานที่ผิดกฎหมายตามชายแดน หรือในประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่ได้รับการควบคุมจากรัฐบาลไทย
ส่งผลให้ความตั้งใจในการดึงกลุ่มคนเหล่านั้นเข้าสู่ระบบกาสิโนถูกกฎหมายอาจไม่ได้ผลตามที่รัฐบาลคาดหวัง
เล็งถกคณะกรรมการกฤษฎีกาอีกรอบ
ด้วยเหตุนี้ การหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับเกณฑ์นี้จึงยังคงดำเนินต่อไป และยังไม่มีข้อสรุปอย่างเป็นทางการ
นายจุลพันธ์ได้ย้ำว่า การพิจารณาเรื่องนี้ต้องรอบคอบและคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว โดยการหารือเพิ่มเติมกับคณะกรรมการกฤษฎีกาอีกครั้ง ก่อนที่จะนำเสนอเรื่องนี้ต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) และส่งต่อเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในขั้นตอนถัดไป
กระบวนการพิจารณาร่างกฎหมาย
ในปัจจุบัน ร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ได้อยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนเป็นครั้งที่ 3 โดยการพิจารณาครั้งนี้ได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วในวาระที่หนึ่ง
ในขั้นตอนถัดไป ร่างกฎหมายจะต้องเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี และสภาผู้แทนราษฎร โดยคาดว่าจะสามารถสรุปข้อคิดเห็นจากประชาชนได้ในวันที่ 1 มีนาคม 2568 และคาดว่าจะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของครม.ในวันที่ 4 มีนาคมนี้
สำหรับเนื้อหาในร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ มีการกำหนดธุรกิจที่สามารถดำเนินการในสถานบันเทิงครบวงจรไว้ถึง 10 ประเภท เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานบริการ และสนามกีฬา
ในส่วนของการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตครั้งแรกที่ 5,000 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมรายปีที่ 1,000 ล้านบาท
ขณะที่การกำหนดสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโนในสถานบันเทิงครบวงจร ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของที่ดิน ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร ในกรณีที่กาสิโนตั้งอยู่ในอาคารใดให้นับจากพื้นที่อาคารนั้นทั้งหมด
ค่าเข้ากาสิโนสำหรับคนไทยถูกกำหนดไว้ที่ครั้งละ 5,000 บาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลในการสร้างระบบการเล่นการพนันที่มีความชัดเจนและโปร่งใส เพื่อให้สามารถจัดเก็บภาษีและสร้างรายได้ให้กับรัฐ
อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดเกี่ยวกับเงินฝาก 50 ล้านบาท ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องการการทบทวนอย่างรอบคอบ ซึ่งส่อเค้าว่ารัฐบาลจะไม่รับลูก ขณะที่หลายเสียงเชื่อว่า เกณฑ์ดังกล่าว "ยากที่จะผ่านมติครม."
ความท้าทายในการเปิดกาสิโนในไทย
แม้ว่าร่างพระราชบัญญัตินี้จะถูกพิจารณาอย่างละเอียด และพยายามหาทางออกที่ดีที่สุด แต่ก็ยังคงมีความท้าทายในการสร้างความสมดุล ระหว่างการควบคุมการพนันและการผลักดันให้ผู้เล่นเข้าสู่ระบบที่ถูกต้องตามกฎหมาย
หากไม่สามารถหาทางออกที่เหมาะสมได้ อาจทำให้ผู้เล่นที่ไม่สามารถเข้าถึงกาสิโนถูกกฎหมายหันไปเล่นการพนันในแหล่งที่ไม่มีกฎหมายควบคุม ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศในระยะยาว
การพิจารณาร่างกฎหมายนี้ยังคงต้องใช้เวลามากขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าเกณฑ์ที่กำหนดจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการนำการพนันผิดกฎหมายเข้าสู่ระบบที่ถูกต้องและสามารถสร้างรายได้ให้กับรัฐได้อย่างแท้จริง


