posttoday

อาชวิณ อัศวโภคิน ทายาทรุ่น 3 LH ผู้คลุกคลีในแวดวงการเงินมามากกว่า 20 ปี

24 มกราคม 2568

อาชวิณ อัศวโภคิน ทายาทรุ่น 3 แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ผู้คลุกคลีในแวดวงการเงินมามากกว่า 20 ปี กลับมาสานต่อธุรกิจอาณาจักรแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ดูแลการเงิน-ไอที ซัพพอร์ตหลังบ้าน ด้วยคำฝากฝังของ "อนันต์ อัศวโภคิน" ผู้เป็นพ่อว่า "ต้องซื่อสัตย์"

KEY

POINTS

 

  • อาชวิณ อัศวโภคิน ทายาทรุ่น 3 แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ผู้คลุกคลีในแวดวงการเงินมามากกว่า 20 ปี กลับมาสานต่อธุรกิจอาณาจักรแลนด์แอนด์เฮ้าส์
  • ดูแลการเงิน-ไอที ซัพพอร์ตหลังบ้าน ด้วยคำฝากฝังของ "อนันต์ อัศวโภคิน" ผู้เป็นพ่อว่า "ต้องซื่อสัตย์"

 

 

 

นับเป็นครั้งแรกที่ “อาชวิณ อัศวโภคิน” ปรากฏตัวต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการในฐานะผู้บริหารของ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จํากัด (มหาชน) หรือ LH ในวันแถลงข่าวผลประกอบการของบริษัทเมื่อวันที่ 22 มกราคม ที่ผ่านมา หลังเข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นรองกรรมการผู้จัดการ และผู้บริหารสูงสุดด้านการเงินเมื่อประมาณปลายปี 2566 

แม้ว่า อาชวิณ จะเป็นน้องใหม่ของอาณาจักรแลนด์แอนด์เฮ้าส์ที่มีอายุงานเพียงหนึ่งปีกว่า ๆ เท่านั้น แต่ทว่าที่ผ่านมาตัวเขาเองก็พอได้คลุกคลีกับบริษัทมาบ้าง ด้วยความเป็นทายาทของตระกูล “อัศวโภคิน” ที่ "คุณเพียงใจ หาญพาณิชย์" ผู้เป็นย่าริเริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2516 จากนั้น "อนันต์ อัศวโภคิน" ผู้เป็นพ่อได้สานต่อก่อนจะวางมือในตอนหลัง 

ทายาทรุ่น 3 ผู้รับไม้ต่อ

สำหรับ อาชวิณ มีชื่อเล่นว่า “เต้ย” เป็นทายาทรุ่น 3 ของตระกูล "อัศวโภคิน" ผู้ก่อตั้งอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อย่าง แลนด์แอนด์เฮ้าส์ หรือ LH เป็นบุตรของอนันต์ อัศวโภคิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ติดอันดับ 1 ใน 30 อันดับมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2566 จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ ไทยแลนด์ (Forbes Thailand) โดยมีทรัพย์สินมูลค่ากว่า 4.22 หมื่นล้านบาท โดยตัวเขานั้นยังมีพี่น้องอีกสองคนคือ “อลิสา อัศวโภคิน” และ “อาชนัน อัศวโภคิน”


มากกว่า 20 ปีบนเส้นทางสายการเงิน

เป็นไปได้ว่า อาชวิณ ไม่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อในฐานะผู้บริหารแลนด์แอนด์เฮ้าส์มาก่อน เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาทำงานคลุกคลีอยู่ในแวดวงการเงินการธนาคารนอกธุรกิจของแลนด์แอนด์เฮ้าส์มาตลอด

ตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา ได้ทำงานที่โกลด์แมน ซาคส์ นิวยอร์ค ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐฯ ทำอยู่สักพักก็หวนกลับมาที่ประเทศไทยร่วมงานกับธนาคารพาณิชย์

อาชวิณ อัศวโภคิน ทายาทรุ่น 3 LH ผู้คลุกคลีในแวดวงการเงินมามากกว่า 20 ปี

"ผมจำไม่ได้แล้วว่าเรียนจบปีไหน ถ้านึกย้อนกลับไปก็นานมากเลย แต่เท่าที่จำได้คือช่วงชีวิตการทำงานของผมผ่านมากว่า 20 ปีแล้ว"

อาชวิณเล่าว่า หลังจากที่เรียนจบ เขาได้ทำงานที่โกลด์แมน ซาคส์ นิวยอร์ก กลับมาไทยก็มาทำงานกับธนาคาร เป็นเทรดเดอร์บ้าง ดูแลกลุ่มผลิตภัณฑ์และตราสารหนี้ต่างประเทศ ทำอะไรหลายอย่าง ค่อย ๆ เรียนรู้ทางด้านการเงิน เรียนรู้การขาย การติดต่อลูกค้า ดูแลลูกค้า ก็เลยได้รับประสบการณ์ด้านการลงทุน รวมถึงการติดต่อดูแลลูกค้าด้วย

เนื่องจากเชี่ยวชาญด้านการเงิน จึงเกิดการตั้งคำถามว่าทำไมอาชวิณ ถึงไม่ไปบริหารงานที่ฝั่งของ LH BANK เขาให้เหตุผลว่า การได้อยู่แลนด์แอนด์เฮ้าส์ทำให้เห็นภาพรวมธุรกิจมากกว่า เพราะว่าในฝั่งของ LH BANK จะมีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นทางไต้หวัน แต่ด้วยประสบการณ์ในเส้นทางการเงิน คาดว่าน่าจะนำมาปรับใช้ในการดูแลธุรกิจของแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ในภาคอสังหาฯ ได้เหมือนกัน

ผมจะดูในส่วนของธุรกิจอสังหาฯ เพื่อให้เช่าและบริการ ที่มีโรงแรม แกรนด์ เซ็นเตอร์พอยต์ 7 แห่ง อยู่ระหว่างก่อสร้าง 3 แห่ง และศูนย์การค้า Terminal 21 อีก 3 แห่งได้แก่ อโศก กรุงเทพ, พัทยา และพระราม3 รวมถึงอพาร์ตเม้นท์และโรงแรมในสหรัฐอเมริกาอีก 5 แห่ง จะไม่ได้ดูในส่วนของบ้านที่เป็นแนวราบและคอนโด บทบาทหน้าที่หลัก ๆ คือดูแลการเงินการบัญชี และดูด้านไอทีด้วย 

การเงิน คือส่วนซัพพอร์ตที่อยู่หลังบ้าน

อาชวิณ เล่าว่า การดูแลเรื่องการเงินก็เหมือนเป็นสายงานที่ซัพพอร์ตอยู่หลังบ้าน เพื่อช่วยให้หน้าบ้านเดินหน้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและคล่องตัว ซึ่งความท้าทายคือต้องควบคุมต้นทุนทางการเงินไม่ให้แพงจนเกินไป และการมีคู่ค้าเป็นธนาคารต่าง ๆ ที่หลากหลายมากขึ้น

ขณะเดียวกันก็มีบทบาทในการดูแลระบบไอที ซึ่งเขาบอกว่ามีการนำเอไอเข้ามาปรับใช้ในองค์กรด้วย แต่ไม่ได้เอามาช่วยคิดสร้างสรรค์หรือทำอะไรใหม่ๆ แต่เอาเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก เอามาใช้ในสิ่งที่ทำอยู่แล้ว ให้มันมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การตรวจเอกสารของลูกค้า หรือสิ่งที่เป็นพื้นฐานบริการ 

“เมื่อก่อนก็ไม่ได้คิดว่าเอไอจะเข้ามามากขึ้น แต่ตอนนี้ใคร ๆ ก็พูดถึงเอไอ ซึ่งถามว่าระยะต่อไปจะเอามาช่วยบริหารจัดการอย่างไร ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าโลกต่อไปจะเปลี่ยนไปยังไง ก็ต้องคอยดูสถานการณ์”

อาชวิณ กล่าวต่อว่า หลักคิดการทำงานแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถามว่าของผมเป็นแบบไหนก็คงเป็นการเข้าใจลูกค้า และทำการบ้านเยอะ ๆ องค์กรพอมันใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ผู้บริหารก็คงห่างจากตลาดในบางที ผมคิดว่าจุดสำคัญคือเราต้องคุย ต้องเข้าใจลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ อย่างตอนที่ผมทำงานที่ฝั่งธนาคารก็เป็นแบบนี้ 

“การเงินที่อยู่ในภาคอสังหาฯ ไม่เหมือนกับภาคธนาคาร เพราะการเงินที่อยู่ในอสังหาฯ ทำหน้าที่ซัพพอร์ตซะมากกว่า ฉะนั้นทิศทางการปรับปรุงบริษัทน่าจะมาจากทางด้านหน้า ด้านหน้ามีแผนอย่างไร ด้านหลังอย่างการเงินก็ต้องคอยซัพพอร์ต และบริหารจัดการการเงินของบริษัทให้มีประสิทธิภาพ

ตั้งแต่เข้ามาแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ไม่เชิงว่าผมต้องเริ่มนับหนึ่ง เพราะผมก็เคยเป็นบอร์ดบริหารอยู่กับบริษัทที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจแลนด์แอนด์เฮ้าส์ แต่ในภาคอสังหาฯ ก็ต้องเรียนรู้เยอะเหมือนกัน เพราะตอนเข้ามาแรก ๆ ผมยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเสาเข็มมีกี่แบบ อาศัยเรียนรู้จากพี่ ๆ ผู้บริหารที่เขาอยู่มานาน การทำงานเป็นทีมนั้นย่อมดีกว่าทำงานเดี่ยว นั่นคือปัจจัยความสำเร็จ ไม่ว่าจะงานด้านไหนก็ตาม ผมมองว่ามันขึ้นอยู่กับความเข้าใจงานด้วย และหัวหน้าต้องเป็นตัวอย่างที่ดี ถึงจะสำเร็จ ไม่ว่าจะอาชีพไหนก็ตาม 

การบริการที่ดี คือหัวใจหลักอสังหาฯ 

ในยุคที่เศรษฐกิจชะลอตัวแบบนี้ อาชวิณ บอกว่า การให้บริการ และการมีโลเคชันที่ดี จะเป็นจุดเด่นทำให้ธุรกิจเดินหน้าไปได้ อย่างของแลนด์แอนด์เฮ้าส์จะเน้นการให้ลักชัวรีในราคาที่จับต้องได้ 

หลายแห่งพูดถึงการบริการที่ดี แล้วบริการที่ดีของแลนด์แอนด์เฮ้าส์คืออะไร?

อาชวิณ ตอบว่า ถ้าเป็นโรงแรม ตั้งแต่ลูกค้าลงจากรถ ต้องจำชื่อลูกค้าให้ได้ ต้องรู้ชื่อตั้งแต่เช็กอิน การดูแลห้องให้สะอาดอยู่เสมอ ลูกค้าโทรมา ต้องตอบสนองทันที ใส่ใจทุกรายละเอียดลูกค้า คอยฟังฟีทแบคอยู่ตลอด ลูกค้าไม่ชอบอะไรก็ปรับปรุง 


อย่าเจ๊งก็แล้วกัน ความคาดหวังจากพ่อ


เมื่อถามว่าคุณพ่อฝากฝังอะไรไว้บ้างไหม? อาชวิณ พูดติดตลกอย่างเขิน ๆ ว่า “อย่าเจ๊งก็แล้วกัน” พร้อมกับหัวเราะและบอกว่า ท่านไม่ได้บอกผมแบบนี้หรอก ผมคิดเอาเอง ถามว่าหนักใจไหม ทำงานที่ไหนก็หนักใจเหมือนกัน ผมทำที่อื่นมาก็ต้องมีความรับผิดชอบสูง การทำธุรกิจมันก็มีความกดดันเป็นธรรมดา 

ผมเป็นทายาทรุ่นที่ 3 แล้ว หากดูประวัติแลนด์แอนด์เฮ้าส์จะมีคุณย่าเป็นผู้ก่อตั้ง

“คุณย่าก็มีส่วนร่วมกับคุณพ่อด้วย ตอนนั้นคุณพ่อตั้งใจจะไปเรียนต่อเมืองนอก แต่คุณย่าทำโครงการหมู่บ้านอยู่ ก็พาคุณพ่อไปดู แต่พอคุณพ่อไปเห็นก็บอกคุณย่าว่า ทำไม่ได้นะ แบบนี้มันไม่ถูกหลักการ ก็มีการปรับแผน ปรับการทำงานกัน สุดท้ายแทนที่คุณพ่อจะกลับไปเรียนต่อ ก็เลยมาทำอสังหาฯ ช่วยคุณย่า ยาวเลย” 

คุณพ่อวางแนวทาง รากฐานโครงสร้างเอาไว้ดีแล้ว แต่ผมว่าการมีพี่ ๆ ที่มีประสบการณ์และมีความสามารถอยู่ในแลนด์แอนด์เฮ้าส์เยอะๆ ก็ทำให้บริษัทเติบโตได้ ผมเข้ามาก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งเท่านั้น

อีกหนึ่งเรื่องที่คุณพ่อฝากไว้คือ "ต้องมีความซื่อสัตย์ ใส่ใจลูกค้า ขายบ้านก็ต้องขายคุณภาพ" และการไปทำธุรกิจที่ไหนก็ต้องรู้วัฒนธรรมแต่ละประเทศด้วย อย่างมีธุรกิจในสหรัฐอเมริกาอย่างน้อยก็ต้องมีคนอยู่ที่นั่น และเข้าใจภาษา 

นอกจากเรื่องธุรกิจแล้ว สุดท้ายถามว่าเป้าหมายสูงสุดในชีวิตคืออะไร? อาชวิณครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ก่อนจะตอบว่าไม่ได้คิดถึงเป้าหมายสูงสุดขนาดนั้น

"ผมอายุย่าง 50 ปีแล้ว ทำงานมาตลอด แต่ถามว่า จะอยู่แลนด์ยาวไหม ก็จนกว่าเขาจะให้ผมเกษียณนั่นแหละ"

 

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เชลซี พบ เอฟเวอร์ตัน พรีเมียร์ลีก วันนี้ 13 ธ.ค.68