posttoday

"สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์" ชี้ 2 แนวทาง คลังเคลียร์ปมประธานบอร์ดธปท.

26 ธันวาคม 2567

สถิตย์ ชี้หากฤษฎีกาชี้เป็นทางการ กิตติรัตน์ ขาดคุณสมบัติ คลังต้องเร่งประสานบอร์ดคัดเลือก เสนอรายชื่อคนใหม่ หลัง "กุลิศ" ส่อชวดด้วย ตั้งคำถามคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งการเมืองไม่สามารถทำหน้าที่ประธานได้ "วิรไท-เศรษฐพุฒิ" เคยเป็นกุนซือนายกตู่ นั่งผู้ว่าธปท.ได้อย่างไร

นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานคณะกรรมการคัดเลือกประธานกรรมการ และกรรมการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับทราบความเห็นอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการกฤษฎีกา หลังจากที่ได้มีการนัดประชุมเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. ที่ผ่านมา ในการพิจารณาคุณสมบัติของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ได้รับการคัดเลือกเสนอชื่อให้เป็นประธานกรรมการ ธปท. (ประธานบอร์ด ธปท.) ว่าเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่

ทั้งนี้ หากความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ออกมาว่าตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ถือเป็นตำแหน่งทางการเมืองนั้น ก็จะทำให้นายกิตติรัตน์ ไม่ผ่านคุณสมบัติที่จะนั่งเป็นประธานบอร์ด ธปท. ดังนั้นสิ่งที่นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลังจะทำได้ มี 2 แนวทาง คือ 1.นิ่งเฉย หรือ2.ขอเสนอรายชื่อใหม่

ปลัดคลังทำได้ 2 อย่าง คือนิ่งเฉย หรือขอเสนอชื่อคนใหม่ หากกฤษฎีกามีมติออกมาเช่นนั้นจริง แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ทราบมติอย่างเป็นทางการ ว่าผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ ตอนนี้เป็นแค่ข่าวที่ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากกฤษฎีกา ซึ่งกระบวนการภายหลังจากที่คลังได้รับความเห็นจากแล้ว จะต้องประสานงานกันภายในว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้ต่ออย่างไร หากนิ่งเฉย จะเป็นหน้าที่ที่คณะกรรมการคัดเลือกฯต้องนัดประชุมเพื่อพิจารณาผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมายคนถัดไป เพื่อเสนอเป็นประธานบอร์ด ธปท. ต่อไป

อย่างไรก็ดี เห็นว่า หากกฤษฎีกามีความเห็นว่านายกิตติรัตน์ ขาดคุณสมบัติเพราะเคยดำรงตำแหน่งทางการเมือง ดังนั้นนายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเป็นลำดับถัดไปจากฝั่งของ ธปท. ก็จะถือว่าขาดคุณสมบัติด้วยเช่นกัน เพราะนายกุลิศก็เคยเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี (นายเศรษฐา ทวีสิน) ซึ่งอยู่ในชุดเดียวกับนายกิตติรัตน์เช่นกัน

นายสถิตย์ กล่าวอีกว่า หากกระแสข่าวที่พูดกันเป็นเรื่องจริงว่าคณะกรรมการกฤษฎีกา 3 คณะ คือ คณะกฎหมายการเมืองการปกครอง, คณะกฎหมายการบริหารราชการแผ่นดิน และคณะกฎหมายการบริหารจัดการภาครัฐ ที่ลงความเห็นว่านายกิตติรัตน์ ไม่ผ่านคุณสมบัติ เพราะเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาก่อน ไม่สามารถเป็นประธานบอร์ด ธปท.ได้นั้น ก็จะถือว่าเป็นมาตรฐานใหม่ที่ต่างไปจากมาตรฐานเดิมที่ประชุมใหญ่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้เคยกำหนดไว้

ส่วนที่มีการมองย้อนไปในอดีตว่า หากจะยึดหลักการคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ไม่สามารถทำหน้าที่ประธานบอร์ด ธปท.ได้นั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ นายวิรไท สันติประภพ และนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ จะเป็นผู้ว่าฯ ธปท.ได้อย่างไร เพราะทั้ง 2 คน เคยเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาแล้วเช่นกันนั้น นายสถิตย์ กล่าวเพียงว่า "ไม่ได้ติดตามว่า ตอนที่ตั้งนั้น อาศัยตาม พ.ร.บ.ธปท.หรือไม่ แต่ถ้าเป็นไปตาม พ.ร.บ. ธปท. ก็จะต้องใช้หลักการเดียวกัน"


ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง กล่าวว่า ยืนยันว่ากระทรวงการคลังยังไม่ได้รับทราบความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาในเรื่องดังกล่าว ซึ่งโดยขั้นตอนแล้ว กฤษฎีกาจะต้องส่งความเห็นกลับมาที่นายพิชัย และมองว่า หากคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาแล้วเห็นว่าตำแหน่ง "ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี" ถือเป็นตำแหน่งทางการเมืองจริง ซึ่งจะมีผลให้นายกิตติรัตน์ ขาดคุณสมบัติในการเป็นประธานบอร์ด ธปท.นั้น นายกุลิศ ซึ่งเป็นบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อจากฝั่งของ ธปท. ก็ต้องขาดคุณสมบัติด้วยเช่นกัน เพราะเป็นที่ปรึกษาฯ อยู่ในชุดเดียวกันกับนายกิตติรัตน์ และหากผลสุดท้ายออกมาเป็นเช่นนี้ การเริ่มต้นกระบวนการคัดเลือกใหม่ทั้งหมด ถือเป็นความเหมาะสมที่จะต้องดำเนินการ

ยังไม่ทราบว่าผลของกฤษฎีกาว่าจะออกมาแนวทางใด แต่หากเป็นอย่างที่มีข่าว ก็ควรจะต้องเริ่มการคัดเลือกใหม่ เพราะถ้าคุณกิตติรัตน์ ขาดคุณสมบัติ คุณกุลิศ ก็ต้องขาดคุณสมบัติเหมือนกัน เพราะนั่งเป็นที่ปรึกษาอยู่ในคณะเดียวกัน

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา