ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน แต่สิ่งที่แน่นอนคือการเปลี่ยนแปลง
....นคร สังขรัตน์ ([email protected])
NIDA Business School
ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน แต่สิ่งที่แน่นอนคือการเปลี่ยนแปลง เป็นสัจธรรมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในโลกของธุรกิจ
อาจกล่าวได้ว่าโลกธุรกิจนั้นเปลี่ยนแปลงและมีการวิวัฒน์อยู่เสมอ เห็นได้จากในปัจจุบันที่เราก้าวเข้าสู่ยุค Globalization เวอร์ชัน 4.0 แล้ว เพราะหากจะนับว่า Globalization เวอร์ชัน 1.0 เกิดขึ้นเมื่อเกือบ 520 ปีก่อน คือ ในวันที่ 12 ต.ค. 2035 เมื่อ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นักเดินเรือชาวอิตาเลียน ค้นพบทวีปอเมริกา ซึ่งเป็นยุคที่โลกแข่งกันล่าอาณานิคม (Colonization) ประเทศมหาอำนาจในยุคนั้นจึงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากประเทศที่มีกองเรือทรงประสิทธิภาพ นั่นคือ สเปน อังกฤษ ฮอลแลนด์ โปรตุเกส และต่อมา Globalization 2.0 เกิดขึ้นเมื่อ เจมส์ วัตต์ วิศวกรและนักประดิษฐ์ชาวสกอตแลนด์ คิดค้นเครื่องจักรไอน้ำในปี พ.ศ. 2362 จนนำสหราชอาณาจักรไปสู่ยุคของการปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตและการต่อเรือ และทำให้สหราชอาณาจักรเป็นเจ้าอาณานิคมในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม
สำหรับ Globalization เวอร์ชัน 3.0 นั้น เกิดขึ้นเมื่อโลกได้ค้นพบ
“อินเทอร์เน็ต” ในปี พ.ศ. 2512 จากการเกิดเครือข่าย ARPANET (Advanced Research Projects Agency Network) ซึ่งเป็นเครือข่ายสำนักงานโครงการวิจัยชั้นสูงของกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา มีวัตถุประสงค์หลัก คือ เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถเชื่อมต่อและมีปฏิสัมพันธ์กันได้ ซึ่งต่อมาได้ถูกพัฒนาให้เป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน และในยุคปัจจุบัน หรือยุค Globalization เวอร์ชัน 4.0 ผมเสนอให้นับตั้งแต่การค้นพบเฟซบุ๊ก บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่เปิดใช้งานเมื่อ 4 ก.พ. 2547 โดย มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เพราะเหตุว่าการปฏิวัติโลกออนไลน์ดังกล่าวได้ทำให้เกิดการเชื่อมต่อของคนในโลกของเราในชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยสิ้นปี 2553 เฟซบุ๊กมีผู้ใช้บริการทั่วโลกเกือบ 600 ล้านคนจากหนังสือ The World Is Flat : A Brief History of the TwentyFirst Century โดย Thomas L. Friedman ซึ่งเป็นหนังสือที่มียอดจำหน่ายสูงสุดเล่มหนึ่งของโลก ได้แสดงให้เห็นว่าโลกธุรกิจนั้นมีการเปลี่ยนแปลงจากโลกที่กลมมาสู่โลกที่แบนผ่านกระบวนการปรับเปลี่ยนมาแล้ว 3 ยุค นั่นคือ ยุคที่หนึ่ง เริ่มราว พ.ศ. 20352343 มีกลไกการเปลี่ยนแปลงคือประเทศตะวันตก เช่น สเปนและอังกฤษ ที่ออกแสวงหาอาณานิคม ทำให้โลกเสมือนลดขนาดลงจากขนาดใหญ่เป็นขนาดกลาง ต่อมายุคที่ 2 เริ่มราว พ.ศ. 23432543 กลไกคือบริษัทข้ามชาติที่แสวงหาตลาดและแรงงานในโลกตะวันออก ทำให้โลกเสมือนลดจากขนาดกลางเป็นขนาดเล็ก และยุคที่ 3 เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2543 เป็นต้นมา ที่เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้โลกเสมือนลดจากขนาดเล็กเป็นขนาดจิ๋ว
นอกจากนี้ Friedman ยังได้ชี้ให้เห็นพลังของการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจยุคใหม่ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เริ่มจากพลังของโปรแกรม Windows 3.0 เริ่มวางตลาด ภายหลังเหตุการณ์กำแพงเบอร์ลินถูกทำลายลงในวันที่ 9 พ.ย. 2532 ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดยุคสงครามเย็น เป็นการเริ่มต้นสู่โลกไร้พรมแดน ตามมาด้วยพลังของการเชื่อมโยง
“Connectivity” เมื่อบริษัท Netscape พัฒนาอินเทอร์เน็ตอย่างสมบูรณ์แบบขึ้นใช้งานในวันที่ 9 ส.ค. 2538 ทำให้เกิดการสื่อสารได้ทั่วโลก โดยต้นทุนการส่งเอกสาร เพลง หรือข้อมูลลดลงอย่างมหาศาล และพลังของ Work Flow Software ที่มีการสร้างมาตรฐานและการเชื่อมโยงให้เกิดการสื่อสารกันได้ระหว่างผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ต่างกันและโปรแกรมต่างกันได้พลัง Opensourcing เช่น การเปิดให้ใช้โปรแกรม Linux ฟรีแก่คนทั่วไป ทำให้เกิดรูปแบบใหม่ของการสร้างสรรค์และการร่วมทำงาน ยุค Outsourcing เป็นรูปแบบใหม่ของการร่วมกันในกระบวนการทำงาน โดยกิจกรรมต่างๆ ของบริษัทสามารถแยกออกไปทำนอกบริษัทในที่อื่นได้ พลังของ Offshoring หรือการแบ่งแยกกิจกรรมต่างๆ ของบริษัท แล้วย้ายฐานการผลิตในบางกิจกรรมไปแสวงหาต้นทุนที่ถูกกว่าทั้งในด้านวัตถุดิบและแรงงานในประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ ของบริษัทไปต่างประเทศ พลังของ Supply Chaining ที่การบริหารห่วงโซ่อุปทานในปัจจุบันทำให้เกิดการลดต้นทุนได้อย่างน่าอัศจรรย์ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ กลยุทธ์
“ถูกทุกวัน” หรือ Low Cost Everyday ของบริษัท WalMart เป็นต้น พลังของ Insourcing หรือการเข้าไปทำงานในส่วนงานต่างๆ ในบริษัทอื่น เช่น UPS ซึ่งรับทำงาน Logistics ให้กับหลายบริษัท หรือการเข้าไปให้บริการดูแลระบบซอฟต์แวร์ และให้คำปรึกษาด้านการบริหารงานไอทีของบริษัท ไอบีเอ็ม เป็นต้น พลังของ Informing เช่น การเกิดขึ้นของ Search Engine เช่น Yahoo Google และ Baidu และสุดท้ายพลังของ Wireless and Voice over the Internet ยุคไร้สาย ที่เราสามารถเชื่อมต่อกับใครก็ได้ ที่ไหนก็ได้ ด้วยเครื่องมือที่หลากหลายพลังของการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกธุรกิจได้ก่อให้เกิดทั้งโอกาสและอุปสรรคสำหรับธุรกิจเอง อย่างไรก็ตาม หากธุรกิจรู้จักเรียนรู้และมีการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แน่นอนว่าคงสามารถสร้างความได้เปรียบจากความแน่นอนของการเปลี่ยนแปลงได้เช่นเดียวกัน
“Change before you have to.” — Jack Welch

