จุลพันธ์ เผยตลาดหุ้นไทยกลับมาเป็นบวก หลังการเมืองเริ่มคลี่คลาย

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นไทย หลังดัชนีปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ว่า วันนี้(18มิ.ย.67) ดัชนีหุ้นไทยกลับมายืนอยู่ 1,300 จุดเพิ่มขึ้น 3.58 จุดแล้ว เป็นผลจากนักลงทุนตลายความกังวลจากปัจจัยการเมืองในประเทศ อย่างที่เคยบอกไปว่า เป็นเพียงปัจจัยความเชื่อมั่นในระยะสั้น ไม่ได้กระทบในเรื่องปัจจัยพื้นฐานใดๆ วันนี้พอข่าวคดีอดีตนายทักษิณ อดีตนายกฯ ออกมา 

"อย่างข่าวคดีอดีตนายกฯพอข่าวที่ออกมาแล้ว เมื่อผ่านพ้นการวินิฉัยไปทีละเรื่อง ทุกอย่างจะค่อยเคลียร์ไปได้ ความมั่นใจในตลาดก็จะกลับมาในระดับปกติ จึงไม่ห่วงในระยะสั้น ซึ่งยอมรับว่าเป็นปัจจัยเหล่านี้รัฐบาลไม่สามารถควบคุมได้   ในฐานะที่เป็นรัฐบาลเราต้องดูโครงสร้างในระยะยาว รวมถึงกลไกลเข้าไปเติมการหนุมเวียนในตลาดทุน" นายจุลพันธ์ กล่าว 
 

ทั้งนี้ รัฐบาล หรือ กระทรวงการคลัง มีแผนในการดูแลและกระตุ้นตลาดทุนไทยมากขึ้น  โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งแน่นนอนรัฐบาลจะไม่ออกมาตราการดูแลตลาดในระยะสั้น แต่เน้นการดูแลในระยะยาวโดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเลือก กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) หรือกองทุนรวมสงเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย (Thai ESG) ซึ่งต้องเลือกให้มีความเหมาะสม ดูผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐที่คุ้มค่ากับที่จะลงไปในตลาดทุน

ทั้ง 2  ตัวนี้ จริงๆแล้ว มีความเหมือนกัน แต่Thai ESG ลงไปในกลุ่ม ESG ซึ่งตรงกันกับนโยบายรัฐที่ต้องการสนับสนุน โดยพิจารณาจาก.1. กลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในนั้นครบหรือยัง และ 2. จะวางกรอบอย่างไร เนื่องจากครั้งก่อน ไทม์เฟรมค่อนข้างแคบทำให้ผู้สนใจเข้าไม่ทัน รวมถึงต้องทำให้มันครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรมให้มากขึ้น ซึ่งเป็นตัวไหนบาง ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ เราจะต้องวางกลไกลที่เหมาะสม 

"โดยหลักคิดเราต้องเลือกเอาอันใดอันหนึ่ง ไม่เอาสองอันเพราะโครงสร้างเหมือนกัน ซึ่งเห็นว่า LTF มันว่านไปทั่ว แต่ Thai ESG เจาะเฉพาะกลุ่มเซ็กเตอร์ที่เป็นกรีน ส่วนระยะเวลาการถือครองซึ่งมีความสำคัญต่อการตัดสินใจของนักลงทุนนั้น เบื้องต้นมองว่าระยะการถือครอง 10 ปีน่าจะนานเกินไป น่าจะทำให้สั้นลง เพราะการถือครองยาวไปไม่จูงใจ ทั้งนี้คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้" นายจุลพันธ์ กล่าว 

ส่วน นายอัสสเดช คงสิริ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยคนใหม่ นั้น ตนไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว เนื่องจากกระทรวงการคลังไม่ได้เป็นผู้กำหนดหาตัวบุคคล โดยมาจากกลไกลการสรรหาของบอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เป็นไปตามกรอบ และการมีส่วนร่วมของตลาด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเราเป็นผู้รับทราบเท่านั้น