ส่งออกเม.ย.2567 พลิกบวก 6.8% ขณะที่ 4 เดือนแรกโต 1.4%
พาณิชย์เผยส่งออกไทยเดือนเม.ย.2567 โต 6.8% ขยับเป็นบวก หลังเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวดีจากเงินเฟ้อโลกที่ชะลอตัวลง ดันความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น คาดไตรมาส2 ผลไม้ดันส่งออกขยายตัว 0.8-1% ยังคงเป้าทั้งปีที่ 1-2%
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) แถลงถึงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนเมษายน และ 4 เดือนแรกของปี 2567 ว่า การส่งออกของไทยในเดือนเมษายน 2567 มีมูลค่า 23,278.6 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 834,018 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 6.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัว 11.4%
การส่งออกของไทยพลิกกลับมาขยายตัวเป็นบวกอีกครั้ง สอดคล้องกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่มีมุมมองว่า เศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวที่ดีจากอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยของโลกที่ชะลอตัวลง ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อภาคการผลิตทั่วโลก โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นหลายรายการ ขณะที่ผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลง แต่อานิสงส์ด้านราคาตามความต้องการของตลาดโลก ส่งผลให้การส่งออกสินค้าเกษตรบางรายการยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
ส่วนตลาดส่งออกที่ต้องจับตา คือ ตลาดจีน หดตัว 7.8% (หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ผลิตภัณฑ์ยาง และเม็ดพลาสติก และสินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้และยางพารา
ขณะที่ การส่งออกไทย 4 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัว 1.4% และเมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัว 3.7% โดยการส่งออก มีมูลค่า 3,338,028 ล้านบาท ขยายตัว 6.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 3,595,217 ล้านบาท ขยายตัว 9.7% ดุลการค้า 4 เดือนแรกของปี 2567 ขาดดุล 257,190 ล้านบาท
ตลาดส่งออกสำคัญส่วนใหญ่กลับมาขยายตัวหลังจากหดตัวในเดือนก่อน สอดคล้องกับสัญญาณการขยายตัวของภาคการผลิตโลก อย่างไรก็ตาม การส่งออกไปตลาดจีน และญี่ปุ่นยังคงหดตัว
ทั้งนี้ ภาพรวมการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดต่าง ๆ อาทิ (1) ตลาดหลัก ขยายตัว 6.7% โดยขยายตัวต่อเนื่องในตลาดสหรัฐฯ 26.1% และ CLMV 5.1% กลับมาขยายตัวในตลาดอาเซียน 3.7% และ สหภาพยุโรป (27) 20.2% แต่หดตัวต่อเนื่องในตลาดจีน 7.8% และญี่ปุ่น 4.1% ตลาดรอง ขยายตัว 14.4% โดยตลาดทวีปออสเตรเลีย ขยายตัวต่อเนื่อง 18.6% และกลับมาขยายตัวในตลาดเอเชียใต้ 13.0% ตะวันออกกลาง 17.8% แอฟริกา 32.1% ลาตินอเมริกา 41.9% รัสเซียและกลุ่ม CIS 8.6% ขณะที่สหราชอาณาจักร หดตัว 33.7% ตลาดอื่น ๆ หดตัว 68.5% อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ หดตัว 79.3% ตลาดสหรัฐฯ ขยายตัว 26.1% (ขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน) ตลาดจีน หดตัว7.81% (หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ผลิตภัณฑ์ยาง และเม็ดพลาสติก
ส่วน ตลาดอาเซียน (5) ขยายตัว 3.7% (กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน) ตลาด CLMV ขยายตัว 5.1% (ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน)
สำหรับ แนวโน้มการส่งออกในปี 2567 กระทรวงพาณิชย์คาดว่า การส่งออกของไทยในปี 2567 จะยังสามารถเติบโตได้ดีจากความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมที่เติบโตตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว และปัญหาเงินเฟ้อที่เริ่มบรรเทาลง ส่งผลดีต่อกำลังซื้อในหลายประเทศ ขณะที่สภาพอากาศแปรปรวนสร้างแรงผลักดันต่อราคาสินค้าเกษตรและความต้องการนำเข้าเพื่อความมั่นคงทางอาหาร แต่กดดันปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดโลก นอกจากนี้ยังมีความไม่แน่นอนจากปัญหา
ด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มขยายวงกว้าง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามประเมินสถานการณ์เป็นระยะ และจะทำงานร่วมกับทูตพาณิชย์ในแต่ละประเทศเพื่อแสวงหาแนวทางสร้างโอกาสและลดอุปสรรคในการส่งออกต่อไป
"คาดว่าการส่งออกของไทยในเดือนพ.ค.จะขยายตัวเป็นบวกได้ตอเนื่อง จากการส่งออกสินค้าผลไม้ที่ปรับตัวดีขึ้น เพราะเดือนพ.ค.เป็นเดือนที่ผลผลิตทุเรียนออกสู่ตลาดมากที่สุด ส่วนไตรมาส 2 คาดว่า ส่งออกจะเป็นบวก 0.8-1% ทำให้กระทรวงพาณิชย์ยังคงเป้าหมายส่งออกทั้งปีไว้ที่ 1-2%ต่อปี" นายพูนพงษ์ กล่าว


