posttoday

"เผ่าภูมิ"สอนมวยผู้ว่าแบงก์ชาติ ชี้กระตุ้นเศรษฐกิจมองแค่ระยะสั้นไม่ได้

24 เมษายน 2567

“เผ่าภูมิ” สวนหมัดผู้ว่าแบงก์ชาติ แจกเงินดิจิทัล วอลเล็ตไม่ใช่มาตรการเยียวยา แต่เป็นกระตุ้นการบริโภคไปจนถึงการลงทุน ยันกำลังซื้อในประเทศยังไม่ฟื้น จำเป็นต้องการเม็ดเงินจำนวนมากพอถึงจะสปาร์คเศรษฐกิจไทยให้ผงกหัวได้

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณี นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(ครม.) ให้รัฐบาลทบทวนหลักเกณฑ์ และการใช้งบประมาณจำนวน 5 แสนล้านทำโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ว่า ที่ผ่านมาคณะทำงาน หรือ คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet (บอร์ดใหญ่) ได้มีการถกเถียงในข้อเสนอแนะของธปท.ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเรื่องจำนวนคนที่ได้สิทธิ์ ซึ่งบอร์ดก็ได้ยอมรับในเหตุผล และได้มีการปรับลดจำนวนผู้ได้สิทธิ์ลงจากเดิมจะแจกให้ทั้งหมด เหลือ 50 ล้านคนที่ได้รับสิทธิ์ 

 

“การจะให้เงินเฉพาะแค่กลุ่มเปราะบาง 10 ล้านคน มันไม่ตอบโจทย์วัตถุประสงค์ของโครงการ ยืนยันว่าโครงการนี้ไม่ใช่การเยียวยา แต่โครงการนี้ คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้นเม็ดเงินจึงต้องใหญ่พอ และจำนวนคนที่เข้าโครงการต้องมากพอ จนทำให้เกิดการสปาร์ค หรือกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ” นายเผ่าภูมิ กล่าว


 

ส่วนที่ธปท.ระบุว่า ขณะนี้การบริโภคในประเทศในขณะนี้เริ่มฟื้นตัว และขยายตัวได้ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น เห็นว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจจะมองแค่ระยะสั้นไม่ได้ หรือมองเพียงการบริโภคอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมองต่อไปถึงการลงทุน ซึ่งการลงทุนของไทยกำลังมีปัญหา ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(MPI) ของไทยติดลบ 16 เดือนต่อเนื่อง ถ้าติดลบอีก 1 เดือนเดียวถือว่าจะติดลบนานเป็นประวัติศาสตร์ในประเทศไทย สะท้อนการผลิตภาคเอกชนมีปัญหา ซึ่งอันตรายมาก เนื่องจากกำลังซื้อในปัจจุบันไม่ได้สะท้อนกำลังซื้อที่มีอยู่จริง

 

“จะบอกว่าบอกว่ากำลังซื้อของไทยแข็งแรงไม่ได้ ถ้ากำลังซื้อที่แข็งแรงจะต้องตามมาด้วยการผลิตที่แข็งแรง ถ้าเป็นอย่างนี้เราจะยอมรับ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ภาคชนเขามองว่ากำลังซื้อไม่ได้สะท้อนภาวะเศรษฐกิจจริง เพราะฉะนั้นเราจึงมองว่า เศรษฐกิจยังต้องการแรงกระตุ้น  ส่วนที่บอกว่าเศรษฐกิจไทยมีปัญหาเชิงโครงสร้าง ก่อนปรับโครงสร้างเศรษฐกิจระยะยาว ต้องมีการจั๊มสตาร์ทเศรษฐกิจก่อน ไม่เช่นนั้นจะปรับโครงสร้างได้อย่างไร” นายเผ่าภูมิ กล่าว
 

ส่วนข้อกังวล การใช้เงินของโครงการจะสร้างให้เกิดภาระทางการคลังระยะ จะทำให้ตัวหนี้สาธรณะต่อจีดีพีเพิ่มขึ้นนั้น มองว่า ธปท.คงไม่ได้มองการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่จะเพิ่มขึ้นจากโครงการดิจิทัล วอลเล็ต  อย่างเดียว เวลามองเรื่องของนโยบายทางการคลังต่างๆ เมื่อใส่เม็ดเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจ แม้ระดับหนี้สาธารณะเพิ่มก็จริง แต่ต้องดูตัวจีดีพีที่เพิ่มขึ้นจากโครงการด้วย 

 

สำหรับผลกระทบการถูกปรับเครดิตประเทศนั้น มองว่า สถาบันจัดอันดับเครดิต ไม่ได้พิจารณาเรทติ้งเพียงการก่อหนี้เพียงอย่างเดียว แต่ดูโครงการว่ามีประสิทธิภาพหรือไม่ กระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ เงื่อนไขโครงการเป็นอย่างไร รัฐบาลไม่ได้มองว่าโครงการดิจิทัล วอลเล็ตจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแค่ระยะสั้นเท่านั้น แต่มองไปถึงว่าจะเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อเพื่อเชื่อมโยงไปยังการลงทุน เกิดการใช้จ่ายใหม่ ๆ เกิดการจ้างงาน เกิดการผลิตเพิ่มขึ้น ไม่ใช่แค่การกระตุ้นแล้วหายไป แต่มั่นใจว่าจุดนี้จะเป็นการกระตุกเศรษฐกิจให้โตขึ้น


“เชื่อว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะช่วยดันจีดีพีไทยให้ขยายตัวได้ 1.2-1.8% ภายในระยะช่วง 1-2 ปีแรกหลังเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ” นายเผ่าภูมิ กล่าว

 

ส่วน การให้สิทธิ์ ร้านค้า เซเว่น บิ๊กซี แม็คโดนัล เคเอฟซี เข้าร่วมโครงการได้ กระแสสังคมมองว่าเป็นการเอื้อเจ้าสัวหรือ กลุ่มทุนใหญ่นั้น ต้องยอมรับว่า วัตถุดิบที่ร้านสะดวกซื้อนำมาขาย ไม่ใช่สิ่งที่เขาผลิตเองทั้งหมด เขาก็เป็นตัวกลางซื้อวัตถุดิบมาขาย เช่น อาหารแช่แข็ง ข้าวแช่แข็ง เงินส่วนนี้ก็ลงไปที่ชาวนาด้วย เกิดการผลผลิตเพิ่มขึ้น 


“เราต้องมองร้านสะดวกซื้อเป็นเพียงตัวกลางในการส่งผ่านเม็ดเงินลงไปสู่ระบบเศรษฐกิจ ไม่ได้หยุดเพียงแค่ร้านสะดวกซื้อ และเขาต้องนำเงินไปซื้อวัตถุดิบอื่นด้วย”