กรมบัญชีกลาง เผย มาตรการตัดเกรด คุมผู้รับเหมางานรัฐ เริ่มใช้ได้ภายใน 3 เดือน

จากกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้เรียกนางแพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง หารือถึงแนวทางการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการที่มีสิทธิเป็นผู้ยื่นข้อเสนอต่อหน่วยงานของรัฐ เพื่อวางมาตรการตัดเกรด ลดชั้นเอกชนผู้รับเหมางานภาครัฐที่ไม่ปฎิบัติตามสัญญา เช่น ส่งมอบงานล่าช้าไม่เป็นตามกรอบเวลาที่กำหนด ทิ้งงาน งานขาดประสิทธิภาพ  และทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 

ล่าสุด นางแพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการวางมาตรการดังกล่าวว่า หลักเกณฑ์ใหม่จะปรับปรุงแล้วเสร็จ และกำหนดออกใช้ได้ไม่เกิน 3 เดือน โดยจะมีมาตรการตัดเกรด ลดชั้นผู้รับเหมาเอกชนที่ไม่ปฎิบัติตามสัญญา ซึ่งขณะยังอยู่ระหว่างการพิจารณาหลักเกณฑ์ โดยต้องพิจารณาในหลายมิติ ซึ่งมีรายละเอียดค่อนข้างมาก นอกจากนี้ยังต้องมีการแก้ไขกฎหมายหลายฉบับที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย 

สำหรับ เกณฑ์การพิจาณาจัดชั้นของผู้รับเหมา เดิมจะมีเพียงการปรับชั้นขึ้นเท่านั้น ไม่ได้มีการปรับชั้นลง โดยผู้รับเหมาที่จะเข้ามารับงานในโครงการรัฐได้ จะดูตามขนาดของโครงการ ซึ่งจะเริ่มจากชั้น6 รับงานได้ในโครงการขนาดเล็ก เช่น วงเงินค่าก่อสร้างต่อหนึ่งโครงการ ตั้งแต่ 5 ล้านบาท แต่ไมเกิน 10 ล้านบาท เมื่อมีผลงานสะสมมากขึ้น ก็สามารถขยับชั้นสูงขึ้น และสามารถรับงานขนาดใหญ่ได้เรื่อยๆ ซึ่งเกณฑ์นี้เดิมจะดูเฉพาะมูลค่าของงาน ไม่ได้ดูเรื่องอื่นๆประกอบด้วย แต่เกณฑ์ใหม่ต้องดูผลงานอื่นๆประกอบด้วย
 

“โจทย์ใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ คือ เกณฑ์ใหม่จะมีการประเมินผลงานผู้รับเหมาจากด้านอื่นๆเพิ่มขึ้นด้วย บริษัทที่เคยถูกจัดชั้นขึ้นไปหากทำงานไม่ดี ก็มีสิทธิถูกลดชั้นลงมาได้ จากเกณฑ์เดิมที่ปรับขึ้นไปอยู่ชั้นไหนแล้วก็อยู่ชั้นเลยไม่มีปรับลง ซึ่งมองว่าการเลื่อนชั้นขึ้นไม่ยากเท่าการปรับชั้นลง” นางแพตริเซีย กล่าว

นางแพตริเซีย กล่าวด้วยว่า มาตรการการตัดเกรด ลดชั้นผู้รับเหมา ที่กำลังกำหนดใช้นี้ ถือเป็นหลักเกณฑ์กลางโดยทั่วไปที่กำหนดใช้กับผู้รับเหมาโครงการภาครัฐทุกราย เพื่อควบคุมการปฎิบัติงานของผู้ประกอบการงานก่อสร้างภาครัฐ สาขาก่อสร้างทาง และสะพาน ไม่ได้เฉพาะเจาะจงกับโครงการใดที่มีปัญหาในขณะนี้ หรือจะเริ่มใช้กับโครงการก่อสร้างถนนพระราม 2 เท่านั้น และมีไม่ส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อ 3 สนามบิน ที่โครงการมีความล่าช้าอยู่ในขณะนี้ เพราะเป็นโครงการแบบร่วมทุนระหว่างรัฐกับเอกชน หรือ PPP  ซึ่งต้องใช้กฎหมายเฉพาะเรื่อง PPP ซึ่งภาคเอกชนเป็นผู้ลงทุน ขณะที่รัฐมีหน้าที่ส่งมอบที่ดินเท่านั้น