posttoday

นักวิชาการ ชี้เศรษฐกิจไทยยังไม่วิกฤต ไม่จำเป็นต้องประชุมกนง.เร่งด่วน

20 กุมภาพันธ์ 2567

ดร.พลายพล ชี้จีดีพีของสศช. สะท้อนเศรษฐกิจไทยชะลอตัว แต่ยังไม่วิกฤต ยกวิกฤตต้มยำกุ้ง แฮมเบอร์เกอร์ และโควิด เทียบ GDPติดลบหนักน่วงกว่าเยอะ ส่วน นายกฯจี้กนง.จัดประชุมด่วน เพื่อลดดอกเบี้ยเป็นการแทรกแซง ควรเคารพ ปล่อยให้เป็นดุลพินิจบอร์ดที่ประกอบด้วยบุคคลภายนอกด้วย

ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงกรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้โพสต์ทวิตเตอร์ หรือแพลตฟอร์ม X เรียกร้องคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เรียกประชุมเป็นการเร่งด่วน เพื่อพิจารณาการลดดอกเบี้ย โดยไม่ต้องคอยถึงการประชุมตามกำหนด หลังสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) หรือ สภาพัฒน์ แถลง GDP ไทยในไตรมาส 4/66 เติบโตได้เพียง 1.7% และทั้งปี 66 เติบโต 1.9% และปี 67 คาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ 2.7% ต่อปี ว่า ยอมรับตัวจีดีพีของสภาพัฒน์ที่ออกมาล่าสุด เป็นตัวเลขที่ค่อนข้างต่ำ สะท้อนว่าเศรษฐกิจอยู่ในสภาวะชะลอตัว แต่ไม่ถือว่าอยู่ในภาวะวิกฤต 

 

“อย่างพูดเลยว่า วิกฤตมันน่าตกใจ เรียกแค่ว่าเศรษฐกิจชะลอตัวก็พอ เพราะเศรษฐกิจวิกฤตที่ผ่านมารุนแรงกว่านี้เยอะ เช่น วิกฤตต้มยำกุ้ง แฮมเบอร์เกอร์ และโควิด-19 ถือว่าจีดีพติดลบหนักน่วงกว่ามาก ซึ่งจำเป็นต้องมีแรงกระตุ้น แต่ไม่ได้เร่งด่วนถึงกับต้องมีการประชุมกนง.ด่วนแต่อย่างใด ” ศ.ดร.พลายพล กล่าว 

 

ศ.ดร.พลายพล ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนีัเศรษฐกไทยอ่อนตัวลงก็จริง แต่เมื่อเที่ยบอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย กับประเทศเพื่อนบ้านที่สำคัญ ยังถือว่าดอกเบี้ยไทยยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะเดียวกันจะเห็นว่าเงินบาทอ่อนค่าลงไปมาก ซึ่งหากลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก โอกาสที่ค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงไปอีก อาจจะช่วยการส่งออกได้บ้าง แต่สิ่งที่ตามมา คือ ปัญหาเงินเฟ้อ ราคาสินค้า และราคาน้ำมันก็จะแพงขึ้น 

 

ดังนั้น การลดดอกเบี้ยนโยบายไม่ได้มีผลดีต่อเศรษฐกิจเสมอไป หรือทำให้เศรษฐกิจได้รับการกระตุ้น แต่อาจทำให้เงินทุนไหลออกด้วยซ้ำ ดูจากความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น ตั้งแต่นายกฯรับตำแหน่ง หุ้นไทยก็ไม่ผงกหัวขึ้นมาเลย ซึ่งอาจเกิดจากความไม่มั่นใจของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องระมัดระวัง 

 

“มองว่า การประชุมกน.เป็นเรื่องที่รอได้ ตัวเลขจีดีพีไม่ได้ชี้ให้เห็นว่า เป็นเรื่องรีบร้อนจะเป็นจะตายขนาดนั้น ควรรอดูสถานการณ์ต่างๆ อีกสักระยะ เช่น ภาวะเงินเฟ้อ สถานการณ์การสู้รบในต่างประเทศ ซึ่งมีผลต่อเศรษฐกิจไทยต้องดูให้รอบครอบไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็ลดอกเบี้ย” ศ.ดร.พลายพล กล่าว

 

ส่วนประเด็นที่นายกรัฐมนตรี จี้ให้กนง.ปรับลดอกเบี้ยในการประชุมกนง.วาระเร่งด่วนนั้น มองว่า เป็นการแทรกแซงการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลาง ซึ่งไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลไม่สามารถเสนอความเห็นได้ แต่ต้องดูเหตุผล ดูสถานการณ์รอบด้านประกอบด้วย เพราะเศรษฐกิจไทยไม่ได้เลวร้าย แม้จะเห็นด้วยว่า ต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วย แต่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน 

 

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการประชุมกนง.ในรอบหน้าในเดือนเม.ย.นี้ แบงก์ชาติคงต้องพิจารณาการดำเนินนโยบายการเงินหนักมากขึ้น เพราะมีหลายคนเรียกร้องให้ลดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นจังหวะที่ดีจะพิจารณาให้รอบครอบ ซึ่งขณะเดียวกันแบงก์ชาติก็ต้องแสดงให้เห็นว่า แบงก์ชาติมีอิสระ แต่ต้องเข้าใจด้วยว่า การตัดสินใจดอกเบี้ยไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแบงก์ชาติ เพราะในบอร์ดกนง.มีบุคคลภายในแบงก์ชาติเพียง 3 คนเท่านั้น ส่วนอีก 4 คนเป็นบุคคลภายนอก ซึ่งต้องเคารพการตัดสินใจ และปล่อยให้ดุลพินิจของเขาด้วย 

 

ส่วนกรณีที่ นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สภาพัฒน์ กล่าวในแถลงข่าวภาวะเศรษฐกิจเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ขอให้แบงก์ชาติ พิจารณาอย่างจริงจัง ถึงเรื่องอัตราลดดอกเบี้ยนโยบายนั้น ส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่เลขาสภาพัฒน์ออกมาระบุเช่นนี้ 

 

สำหรับกำหนดการประชุม กนง. ในรอบถัดไปจะมีขึ้นในวันพุธที่ 10 เม.ย.นี้ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 2 ของปี 2567 ห่างจากการประชุมนัดแรกเมื่อวันที่ 7 ก.พ.2567 ประมาณ 2 เดือน โดยกำหนดการประชุมนโยบายการเงินเฉลี่ย 7-10 สัปดาห์ หรือ 6 ครั้งต่อปี เพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยไทย


 

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2