posttoday

ดร.ศุภวุฒิชี้เศรษฐกิจโลกสะเทือนสุดจากความขัดแย้งจีนและสหรัฐฯ

31 มกราคม 2567

ดร.ศุภวุฒิชี้ความขัดแข้งระหว่างจีนและสหรัฐฯ กระทบเศรษฐกิจโลกมากสุด เหตุขนาดเศรษฐกิจรวมกันครอง 42% ของจีดีพีโลก ย้ำแม้เศรษฐกิจจีนฟื้นไม่ทั่ว แต่ฝั่งอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อการส่งออกกระทบไทยแน่ ให้จับตาการกลับมาของ Trump เขย่าเศรษฐกิจโลก

ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ นักเศรษฐศาสตร์ และที่ปรึกษาสถาบันวิจัยภัทร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทรให้มุมมมองภายใต้หัวข้อ "ส่องเศรษฐกิจไทย เมื่อโลกวิกฤติ" ภายในงานสัมมนา GEOPOLITICS 2024 โดยกรุงเทพธุรกิจ ว่า ความขัดแย้งด้านภูมิร้ฐศาสตร์ (Geopolitics) ระหว่างจีนและสหรัฐฯ คือประเด็นใหญ่สุดต่อเศรษฐกิจโลก เนื่องจากมูลค่าเศรษฐกิจของจีนและสหรัฐฯ รวมกันครองอัตราส่วนถึง 42% ของจีดีพีโลก ดังนั้นหาก 2 ประเทศนี้ทะเลาะกันย่อมส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจโลกส่วนที่เหลืออย่างแน่นอน 

อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงแล้ว ผลกระทบกับเศรษฐกิจโลกมีมาก่อนหน้านี้แล้วตั้งแต่ปี 2010 โดยตอนนี้ตัวเลขการค้าโลกกับจีดีพีเติบโตเท่ากัน แต่เดิมการค้าต้องเติบโตมากกว่าตัวเลขจีดีพี เช่นเดียวกับที่มีผลต่อประเทศไทย ซึ่งเดิมตัวเลขการส่งออกก็มีอัตราการเติบโตกว่าจีดีพีของประเทศ

"10 ปีที่ผ่านจีดีพีของจีนโต 1 เท่าตัวของจีดีพีโลก ซึ่งทำให้ 1 ใน 3 ของจีดีพีโลกเติบโตเพราะเศรษฐกิจจีน แต่ต่อไปจีนจะไม่ใช่ engine of growth แล้ว ซึ่งไทยเองก็ต้องรับสภาพจากผลกระทบจากสถานการณ์นี้ด้วย"

ทั้งนี้ดร.ศุภวุฒิได้วิเคราะห์แนวทางเศรษฐกิจจีนที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอีกว่า จากที่เศรษฐกิจจีนเป็นมหาอำนาจด้านการค้าโลกมาตั้งแต่ปี 2009 แล้ว โดยตั้งแต่เมื่อปี 2013 หรือเมื่อ 10 ปีก่อนเริ่มมีบทบาทมาทดแทนสหรัฐฯ ไปแล้ว 

อย่างไรก็ตามด้วยจุดเด่นของเศรษฐกิจจีนที่แตกต่างจากประเทศอื่น ที่มีการลงทุนมากเป็นพิเศษ นั่นคือมีมูลค่าการลงทุนเพื่อสร้างกำลังการผลิตในอนาคตสูงมากถึง 42% ของจีดีพีขณะที่มีมูลค่าการบริโภคภาคครัวเรือนในภายในประเทศอยู่ที่เพียง 37% ของจีดีพี ดังนั้นจึงทำให้ในขณะนี้จีนได้กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลด้านการผลิตของโลกไปแล้ว

แต่ในช่วงโควิด-19 ระบาด ทางรัฐบาลของจีนกลับไม่ได้มีมาตรการช่วยเหลือใด ๆ ทำให้เศรษฐกิจจีนบางส่วนฟื้นแต่บางส่วนยังไม่ฟื้น แต่ในส่วนที่ฟื้นแล้วกระทบกับเศรษฐกิจไทยคือในส่วนภาคอุตสาหกรรมที่ไม่ได้แย่ แม้ด้านอสังหาริมทรัพย์มีปัญหาก็ตาม

สำหรับกรณีที่ Donald Trump มีโอกาสกลับมาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ อีกครั้งจากการเลือกตั้งที่จะถึงนี้จะส่งผลอย่างไรต่อเศรษฐกิจบ้างนั้น ดร.ศุภวุฒิมองว่า น่าเป็นกังวลเพราะเป็นบุคคลที่ไม่สามารถคาดเดาได้ นอกจากนี้คือทุกนโยบายของ Trump จะทำให้เศรษฐกิจโลกแย่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนได้เลย

อาทิ การถอนสหรัฐฯ ออกจาก NATO น่าจะส่งผลให้ Risk Premium เพิ่มสูงขึ้นแน่นอน อีกทั้งนโยบายไล่ผู้อพยพออกจากประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนแรงงานของสหรัฐฯ ปรับสูงขึ้นอย่างแน่นอน  เช่นเดียวกับชอบที่จะลดภาษีแต่ไม่หารายได้เพิ่ม ที่ย่อมทำให้เกิดการขาดดุลทางการคลังสูงอย่างแน่นอน ที่สำคัญน่าจะส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ พุ่งจาก 4.2% ในขณะนี้ไปอีกมาก

"ใน 3-4 เดือนนี้มีสิทธิที่  Trump จะติดคุกไปก่อนได้ แต่หากมาจริงก็ตัวใครตัวมันเลย"