posttoday

"ประเสริฐ" ออกโรง กาวใจหยุดศึกภายในกสทช. นัดนายกฯ ถกปัญหา

13 ธันวาคม 2566

"ประเสริฐ" อาสา เป็นกาวใจ เคลียร์ปัญหาบอร์ด กสทช.ทั้ง 2 ฝั่ง เผย นายกฯรับรู้ปัญหาแล้ว พร้อมเมื่อไหร่ได้ทุกเมื่อ

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า เมื่อ 2-3 วันก่อน ตนได้มีการพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นภายในองค์กรของกสทช.ทั้งการฟ้องร้อง กันภายในของบอร์ดและปัญหาประชุมล่มบ่อยครั้งจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคม ซึ่งตนอยากขอให้บอร์ดกสทช.คำนึงถึงเรื่องที่เกี่ยวกับความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะเรื่องปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ภัยไซเบอร์ ที่ต้องยอมรับว่าอยู่ในภาวะวิกฤต

ทั้งนี้ ตนได้บอกกับประธานกสทช.ว่า ต้องการเรียกบอร์ดทั้ง 2 ฝ่ายมาเปิดอกคุยกัน และก็ได้แจ้งให้นายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน รับทราบเกี่ยวกับปัญหาเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เพราะที่ผ่านมาการทำงานไร้เอกภาพและมีหลายเรื่องรอผ่านมติบอร์ด แต่ก็ล่าช้าออกไป และนายกฯก็พร้อมจะเป็นตัวกลางเข้ามาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

ปัญหาความขาดเอกภาพของบอร์ดส่งผลเรื่องการอยู่การออกประกาศบังคับผู้ครอบครองซิมจำนวนมากลงทะเบียนยืนยันตัวตน เพื่อตัดปัญหาซิมผี ที่เป็นเครื่องมือแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงประชาชน เพราะนายกรัฐมนตรีก็กำชับและให้จัดการอย่างด่วนที่สุด แต่ประกาศฯดังกล่าวต้องรอเข้าบอร์ดกสทช.ทั้งๆที่เร่งด่วนมาก 

แต่เท่าที่รับแจ้งก็พบว่าการประชุม 2-3 ครั้งล่าสุดก็ล่มเพราะองค์ประชุมไม่ครบ ทำให้เกิดการทอดเวลาออกไป เพราะเมื่อผ่านบอร์ดก็ต้องไปจัดรับฟังความเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) อีก 45 วัน กว่าประกาศฯจะมีผลบังคับใช้ และยิ่งขณะนี้วาระยังไม่มีเข้าที่ประชุมบอร์ดกสทช.เลย จึงไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไร

ดังนั้น เพื่อจัดการผู้ต้องสงสัยผู้เข้าข่ายหลอกลวงโดยเฉพาะเบอร์ที่มีการโทรออก 100 ครั้งต่อวัน ให้ถือเป็นการกระทำที่ต้องสงสัยตาม มาตรา 4 พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้ระงับการใช้งานทันที โดยมีผลวันที่12 ธ.ค.2566

นอกจากนี้ พ.ร.ก.ดังกล่าว ยังมีอำนาจให้ผู้ถือครองเบอร์โทรศัพท์มือถือตั้งแต่ 5 เบอร์ขึ้นไป ต้องลงทะเบียนยืนยันตัวตนด้วย ขณะนี้พบว่ามีจำนวน 6 ล้านเลขหมายที่ขึ้นทะเบียนแบบไม่ถูกต้องเข้าข่ายผิดกฎหมาย ดังนั้นต้องมายืนยันตัวตนภายในวันที่ 11 ม.ค. 2567 หากไม่มาดำเนินการจะถูกระงับการโทรออก และให้รับสายได้อย่างเดียว ซึ่งการที่ดีอีบังคับใช้พ.ร.ก.นี้ ก็เพราะให้โอกาสบอร์ดกสทช.แล้ว แต่ก็ไม่สามารถดำเนินเรื่องดังกล่าวได้เลย

\"ประเสริฐ\" ออกโรง กาวใจหยุดศึกภายในกสทช. นัดนายกฯ ถกปัญหา ทั้งนี้ จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ถือครองเลขหมายโทรศัพท์มือถือ จำนวน 64.8 ล้านคน คิดเป็น 94.6 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็น ผู้ครอบครองซิมการ์ด 1-5 เลขหมาย มีจำนวน 64.5 ล้านคน ซิมการ์ดจำนวน 85.1 ล้านเลขหมาย ผู้ครอบครอง 6-100 เลขหมาย จำนวน 2.8 แสนราย จำนวนซิมการ์ด 3.3 ล้านเลขหมาย ผู้ครอบครองมากว่า 101 เลขหมาย จำนวน 7,664 คน ซิมการ์ดจำนวน 6.1 ล้านเลขหมาย

สำหรับการประชุมบอร์ดกสทช. ที่ผ่านมาล่มแล้ว 6 ครั้ง ครั้งที่ 1 วันที่ 5 ก.ค. 2566 ครั้งที่ 2 วันที่ 4 ต.ค. 2566 ครั้งที่ 3 วันที่ 3 พ.ย. 2566 ครั้งที่ 4 คือวันที่ 17 พ.ย. 2566 ครั้งที่ 5 วันที่ 28 พ.ย. 2566 และครั้งล่าสุด ครั้งที่ 6 วันที่ 7 ธ.ค 2566 โดยปกติการประชุมบอร์ดกสทช.จะมีประธานกสทช. พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร และนายต่อพงศ์ เสลานนท์ เข้ามาประชุมในเวลา 9.30 น. 

จากนั้นเมื่อขาดเสียงข้างมาก 4 คนได้แก่พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ นายศุภัช ศุภชลาศัย น.ส.พิรงรอง รามสูต และ นายสมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ ไม่เข้าประชุมเนื่องด้วยติดภารกิจอื่น จึงทำให้องค์ประชุมไม่ครบและเมื่อครบ 30 นาที จากนั้นจึงปิดประชุมในเวลา 10.00 น. ซึ่งกลับกลายเป็นเรื่องที่ชาชินกับผู้บริหารในสำนักงาน กสทช. และพนักงานกสทช.ไปแล้ว และในการประชุมบอร์ดครั้งต่อไปคือวันที่ 20 ธ.ค. 2566 ซึ่งต้องมาจับตาดูว่าการประชุมจะล่มอีกหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงาน ล่าสุดสำนักงาน กสทช.ลงชื่อเซ็นคำสั่งโดยนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการกสทช.ลงหนังสือด่วนที่สุด ระบุว่า เพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สำนักงาน กสทช. จึงขอให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามมาตรการดังกล่าว ดังนี้

1.ตรวจสอบเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ใช้บริการประเภทบุคคลธรรมดาแบบชำระค่าบริการล่วงหน้า (Prepaid) ที่มีการใช้งานปริมาณมาก กล่าวคือ โทรออกมากกว่า 100 ครั้งต่อวัน ตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.2566 ธันวาคมและดำเนินการระงับบริการเลขหมายดังกล่าวโดยมีผลทันที โดยผู้ใช้บริการจะต้องรายงานตนพร้อมข้อมูลหลักฐานประกอบกรณีเป็นการใข้งานโดยสุจริตต่อผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ภายในื15 วันเพื่อให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ หากผู้ใช้บริการมีได้รายงานตนภายในระยะเวลาดังกล่าวจะต้องถูกยกเลิกบริการต่อไป

2.แจ้งผู้ใช้บริการประเภทบุคคลธรรมดาที่มีการลงทะเบียนใช้ซิมการ์ดมากกว่า 5 เลขหมายขึ้นไปต่อหนึ่งผู้ให้บริการ ให้มารายงานตนต่อผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายใน 30 วันนับถัดจากวันที่แถลงข่าว (ครบกำหนดในวันที่ 11 ม.ค. 2567 ) หากผู้ใช้บริการมิได้ดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนดจะต้องถูกระงับบริการต่อไปจนกว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จทั้งนี้ การระงับบริการและยกเลิกบริการเป็นการดำเนินการโดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง