posttoday

เศรษฐา ไม่ถอยดิจิทัลวอลเล็ต ยันประเทศจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่

25 ตุลาคม 2566

เศรษฐา ย้ำ เศรษฐกิจไทยจำเป็นต้องกระตุ้นครั้งใหญ่ ผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ยก 10 ปี เศรษฐกิจไทยโตต่ำมาก เฉลี่ยปีละ 1.8% หนี้ครัวเรือนสูงติดอันดับ 10 ของโลก แต่พร้อมปรับเงื่อนไขไม่แจกคนรวย ประกาศเดินหน้า แลนด์บริดน์ กระตุ้นลงทุนระยะยาว

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “เร่งเครื่อง...ติดสปีดเศรษฐกิจไทย” ในงาน “CEO ECONMASS AWARDS 2023” ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ว่า ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเติบโตในอัตราที่ต่ำมาก คือ เฉลี่ยปีละ 1.8% ระดับหนี้ครัวเรือนเคยอยู่ที่ 76% เพิ่มมาเป็น 90%ต่อจีดีพี เป็นอัตราที่สูงอันดับ 10 ของโลก จึงเป็นที่มาที่รัฐบาลต้องกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่

 

ขณะที่ สงครามระหว่างอิสราเอล และฮามาส ถึงแม้จะหลายคนมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่จริงๆแล้วเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมาก ลองคิดูหากมีคนประมาณ 30,000 คนต้องเสี่ยงชีวิตที่จะทำงานต่อ เพื่อที่จะมาดูแลคนในประเทศอีกประมาณหลายแสนคนที่อยู่ในภูมิลำเนาของเขา ถึงแม้สถานการณ์การต่อสู้ที่อิสราเอลกับฮามาสยังดำเนินต่อด้วยความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง แม้รัฐบาลมีมาตรการนำคนเหล่านี้กลับมาได้อย่างเพียงพอ เรามีความพร้อม ทางด้านการขนส่ง แต่เชื่อหรือไม่ แรงงานที่นั่นไม่อยากกลับมา เพียงเพราะว่านายจ้างให้ค่าแรงเพิ่ม 50,000 บาท แต่อาจทำให้เขาเสียชีวิตได้ มันเป็นกระจกสะท้อนว่า เศรษฐกิจไทยต้องการแรงกระตุ้น มันเป็นปัญหาไม่ใช่ปัญหาเพียงความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ แต่มันเป็นปัญหาของเศรษฐกิจในประเทศไทย เพราะฉะนั้นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ต้องเกิดขึ้น ควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นที่รัฐบาลได้ทำไปแล้วไม่ว่าจะเป็นมาตรการลดค่าไฟ ลดค่าน้ำมัน ไปจนถึงพักหนี้เกษตรกร  ราคารถไฟฟ้าตลอดสาย บางสีในราคา 20 บาท เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ลดค่าใช้จ่าย เพื่อลืมตาอ้าปากได้

ส่วนการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะกลางในระยะยาว รัฐบาลจะเร่งเดินหน้าการเจรจาเอฟทีเอ ที่ไม่ได้ทำเลยตลอดช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ขณะที่หลายๆ บริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลก ก็มีข่าวว่าจะย้ายฐานผลิต หรือบริษัทที่เคยพิจารณาว่าจะมาเมืองไทยก็จะไม่เข้ามาลงทุน ไม่ใช่เพราะว่าค่าแรง ที่จะขึ้นไป 400 บาทต่อวัน หรือ 600 บาทภายใน 4 ปี แต่เพราะว่าไทยไม่มี เอฟทีเอ ในหลายๆประเทศ

 

"หลายๆท่านในที่นี้ ลองคิดอย่างนี้แล้วกันว่า เมื่อ 10 ปีที่แล้วค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน ถ้ารู้ไหมว่าวันนี้ค่าแรงขั้นต่ำเท่าไหร่ เฉลี่ย 337 บาท 10 ปีขึ้นมา 12% รับได้หรือไม่ ดังนั้นการขึ้นค่าแรงลดค่าใช้จ่าย ควบคู่กับการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะยาว การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการทำเอฟทีเอต้องเกิดขึ้น" นายเศรษฐา กล่าว 

 

นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่ตนได้เข้ามาบริหารประเทศไม่ถึง 2 เดือน ได้เดินทางออกไปโรดโชว์ในต่างประเทศหลายประเทศ ล่าสุดไปจีน ไม่ได้เจอแค่ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน อย่างเดียว แต่ยังนักธุรกิจมากกว่า 10 บริษัท และมั่นใจว่า การเดินทางครั้งต่อไป รัฐบาลจะไม่เหนียมอายที่จะพานักธุรกิจเข้าไปร่วมโรดโชว์เพื่อเปิดตลาดใหม่ เชื้อเชิญนักลงทุน เพราะการลงทุนทางด้านโครงสร้างพื้นฐานเป็นเรื่องใหญ่เป็นเรื่องสำคัญ จึงไม่อยากให้ประเทศยักษ์ใหญ่อย่างประเทศจีน มองไทยเป็นแค่ทางผ่านของการส่งทุกคนขนส่งสินค้า แต่อยากให้เขามองไทยเป็นฮับของการ สร้างโรงงานเพื่อส่งออกสินค้าของเขาที่เมืองไทย ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีโรงงานผลิตอีวีจากประเทศจีนสูงที่สุดในภูมิภาคนี้ ถ้าไม่นับประเทศจีน แสดงถึงศักยภาพที่เรามีอยู่ไม่ว่าจะเป็นมาตรการส่งเสริมทางด้านภาษี ทักษะของ Engineer ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริหารจัดการเรื่องทรัพยากรต่างๆ อินเทอร์เน็ต ไฟฟ้า ทรัพยากรน้ำ รวมไปถึงชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่า ที่นักลงทุนเข้ามาแล้วจะสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ โรงเรียนนานาชาติ ที่มีอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็น health care system ที่ถือว่าเป็น World Class 

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง แต่ต้องการการออกไปโฆษณาต้องการออกไปพูดจาอธิบายให้เขาฟังว่าเรามีอะไรดีๆ เพื่อที่จะเชื้อเชิญให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ยังมีสภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมไทย ที่มีศักยภาพมีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากมาย เราต้องเป็นทีมไทยแลนด์เราต้องส่งไปพูดคุย เลขาธิการบีโอไอเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่เก่ง หลายๆประเทศที่มีศักยภาพไม่ว่าจะเป็นซาอุดิอาระเบีย ก็ยังไม่มีผู้แทนของ บีโอไอ อยู่ที่นั่น

เมื่อวานนี้ ตนก็มีการพูดคุยกับก.พ.ร.และก.พ. ว่าขออัตราเพิ่มเพื่อที่จะไปพูดคุยเชื่อเชิญนักลงทุนมาเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อลงทุนในแง่ของตั้งโรงงานผลิตขึ้นมาเพื่อให้เรามีศักยภาพในการยกระดับขีดความแข็งขันของไทย ควบคู่ไปกับการลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับพี่น้องประชาชน

 

อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้ทำแค่ประชานิยม ไม่ได้ทำแค่เพื่อการซื้อเสียง ซึ่งการทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เพราะจีดีพีของไทยช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บ่งบอกว่าประเทศไทยล้าหลัง ดังนั้นถ้าเราไม่กระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ผ่านนโยบายต่างๆ ที่ได้แถลงไปแล้ว เชื่อว่าเราไม่สามารถยกระดับประเทศได้ ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ทำแค่ดิจิทัลวอลเล็ตเท่านั้น แต่ยังมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆอีก ซึ่งโครงการดิจิทัลวอลเล็ต  เป็นเพียงแค่ one time ไม่ใช่งบพูกพัน ตอนนี้เงื่อนไขก็อยู่ระหว่างการปรับปรุงอยู่ ถ้ามีใครสามารถให้ข้อเสนอว่า ว่าควรปรับคนที่จะได้รับสิทธิ์ คนรวยไม่ควรได้ จะ cutoff ที่ตรงไหนที่ควรทำก็ยินดี อายุ16 ปีใช้ใหม่ดภาย 6 เดือน เพราะต้องการหมุนเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ หรือจะเป็นเงื่อนไขพื้นที่การใช้จ่ายเงิน เป็นอำเภอ หรือจังหวัด ก็กำลังพิจารณาอยู่ แต่เราไม่ต้องการให้เขาใช้เงินสดในเมืองใหญ่ๆ ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจภูมิภาค ไม่รวยกระจุกจนกระจายไม่อยู่แต่ที่เชียงใหม่ภูเก็ต -กรุงเทพเท่านั้น

 

“เงินดิจิทัล วอลเล็ต วงเงิน 5.4 แสนล้านบาทไม่ใช่งบผูกพัน แต่เป็นนโยบายคนเดียวทั้งหมดเดียว รัฐบาลนี้ยอมรับคำแนะนำยอมรับคำติชม แต่ขอให้คิดนะจีดีพีเฉลี่ยโต 1.8% ภายใน 10 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่ประเทศอื่นเขาพัฒนาไปไกลมาก เราไม่ใช่มีนโยบายประชานิยมอย่างเดียว ยังมีการเดินหน้าเอฟทีเอ มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ระยะยาวมากๆ มีโครงการ Land Bridge เราไม่ต้องการให้ไทยเป็นทางผ่าน ของการขนขายสินค้าอย่างเดียว ต้องการกระตุ้นให้มีการมาสร้างโรงงานด้วยในโครงการ Land brid ไม่ใช่คอคอดกะ ไม่ใช่แยกดินแดนซึ่งหลายรัฐบาลก็มีดำริที่จะทำมา แต่รัฐบาลนี้มีความตั้งใจที่ทำให้เกิดขึ้นจริงๆ “นายเศรษฐา กล่าว

 

ทั้งนี้ โครงการ Land brid จะทำให้ย่นระยะเวลาขนส่งเหลือ 6-9 วัน การคนขายน้ำมันไปทั่วโลก 60% ต้องผ่านช่องแคบมะละกา ถ้าลงจินตนาการดูว่า หากไทยมีแรงสร้างโรงงาน รถไฟในพื้นที่ด้วย ไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตที่ใหญ่ที่สุด นอกจากประเทศจีนแล้วสามารถขนส่งไปอินเดียไม่ต้องแอฟริกาได้ หากทำได้ถือว่าเป็น Mega Project ที่ใหญ่ที่สุดในโลกโครงการหนึ่ง ซึ่งจะทำให้โลจิสติกส์ทั่วโลกดีขึ้น ทำให้เมืองไทย เป็นประเทศที่น่ามาลงทุนแล้ว ก็ยังเป็นฐานการผลิตของสินค้าหลายๆอย่างของภูมิภาค