posttoday

“ประเสริฐ ” เปิดแผนดิจิทัล ขอเป็นเครื่องยนต์ตัวที่ 5 ดันจีดีพีประเทศไทย

14 กันยายน 2566

ส่ง “สุทธิเกียรติ” ประสานงานบล็อกเชน หวังใช้งานตามโมเดลเอสโตรเนีย พร้อมเปิดนโยบายดีอีเอส ขอเป็นเครื่องยนต์ดิจิทัลขับเคลื่อนจีดีพีประเทศ เร่งแผนระยะสั้น 4 ภารกิจตั้งศูนย์เตือนภัยไซเบอร์-โดรนเพื่อการเกษตร-หนุนอีสปอร์ต และ ดันโกลบอล ดิจิทัล ทาเรนท์ วีซ่า

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ในการทำงานของกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการสร้างบล็อกเชน แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท กระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพโดยกระทรวงได้ส่งนายสุทธิเกียรติ วีระกิจพาณิช ที่ปรึกษารมว.ดีอีเอส เป็นตัวแทนในการประสานงานร่วมกัน 

ด้านนายสุทธิเกียรติ กล่าวว่า รัฐบาลต้องการสร้างบล็อกเชนเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และหวังว่าจะมีการใช้งานอย่างแพร่หลายเหมือน ดูไบ และเอสโตรเนีย ซึ่งในประเทศไทยมีบริษัทที่สามารถสร้างบล็อกเชนได้อยู่ประมาณ 2-3 ราย ยังไม่รวมภาครัฐที่มั่นใจว่ามีคนเก่งอยู่ เช่นกัน

สำหรับนโยบายการทำงานของกระทรวงดีอีเอส จะดำเนินการภายใต้แผนงาน “The Growth Engine of Thailand” เพื่อให้กลายเป็นเครื่องยนต์ที่ 5 ในการขับเคลื่อนจีดีพีของประเทศนอกเหนือจาก 4 เครื่องยนต์เดิมที่มีอยู่ ได้แก่ การลงทุน การบริโภค การท่องเที่ยว และการส่งออก โดยเครื่องยนต์ดิจิทัลนี้จะโฟกัส 3 ด้าน หรือ 3 เครื่องยนต์ย่อย ประกอบด้วย 1. การเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัลในการสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของประเทศ (Thailand Competitiveness)  2. การสร้างความมั่นคงและปลอดภัยของเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล (Safety & Security)  และ 3. การเพิ่มศักยภาพทุนมนุษย์ด้านดิจิทัลของประเทศ (Human Capital)

เพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล
เครื่องยนต์แรกกระทรวงจะมุ่งเน้นในเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างโอกาสจากโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศอย่างจริงจัง โดยจะเร่งพัฒนาระบบสื่อสารโทรคมนาคมและเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 5G ให้มีการใช้งานที่สอดคล้องกับการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม สร้างโอกาสความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนผ่านโครงข่ายการสื่อสารระหว่างประเทศสู่ระดับนานาชาติ มุ่งเน้นบทบาทในการเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงระบบเครือข่ายเคเบิลใต้น้ำผ่านกรอบความร่วมมือระดับภูมิภาค การขยายโอกาสผ่านเส้นทาง One-belt และ China Plus One

เร่งรัดและแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการค้าออนไลน์และ E-commerce ลดความยุ่งยากในการใช้ National Digital ID หรือระบบพิสูจน์ยืนยันตัวตนของผู้รับบริการภาครัฐและเอกชนผ่านระบบออนไลน์ เตรียมพร้อมรองรับยุคเศรษฐกิจ AI อีกทั้งเร่งให้เกิดแผนแม่บทการส่งเสริมการพัฒนา AI โดยเฉพาะการวางแนวทางการเยียวยาความเสียหายจากความผิดพลาดของ AI (Responsible AI) อย่างมีทิศทาง

นอกจากนี้ กระทรวงจะเร่งสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของไทยสู่เวทีโลกจากเศรษฐกิจดิจิทัล ผ่านแผนงานการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของ Digital Startup เน้นการสร้างระบบ Co-Investment และกองทุนเพื่อการพัฒนา Digital Startup Go Global ยกระดับศักยภาพการสร้างรายได้ของเกษตรกร สนับสนุนผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs ให้สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น New World of Digital Content and E-SPORTS และเป็นจุดหมายทางการค้า การลงทุนในเวทีโลก 

ส่งเสริมการลงทุนจัดตั้งธุรกิจ OTT Platform ในประเทศไทย พร้อมเร่งประสานแก้ไขปัญหาเพื่อให้การจัดตั้งธุรกิจมีความสะดวกและเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีธุรกิจประเภทต่าง ๆ โดยมุ่งพัฒนามาตรการหรือสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนเพื่อให้ไทยเป็นระบบนิเวศที่แข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีการปรับตัวไปก่อนหน้าได้

อีกทั้งพัฒนา National Platforms เพื่อเป็นส่วนช่วยในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศสร้างสังคมดิจิทัลบนฐานความรู้ ทั่วถึง รู้ประยุกต์ใช้เป็น โดยเปิดโอกาสการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพื่อการเรียนรู้แก่เด็กและเยาวชนผ่านการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน สร้างโอกาสให้เด็กและเยาวชนไทยสามารถสืบค้นข้อมูลในห้องสมุดโลกผ่านระบบ AI ที่มีความปลอดภัยและมีความถูกต้องของข้อมูล

ยกระดับชุมชนสู่การเป็น ชุมชนดิจิทัล หรือ One Community One Digital โดยการส่งเสริมให้ชุมชนประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างรายได้และก้าวทันความเปลี่ยนแปลงในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล เร่งเพิ่มประสิทธิภาพการบริการของรัฐบาลดิจิทัล โดยการเชื่อมโยงข้อมูลขนาดใหญ่ของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการบริการแก่ภาคประชาชน ภาคเอกชน หรือแม้แต่ภาครัฐในทุกมิติ และการเปิด API ให้ประชาชนและภาคเอกชนสามารถใช้ประโยชน์ได้สะดวกยิ่งขึ้น

พร้อมเร่งรัดให้เกิดบริการภาครัฐแบบ One Stop Service พัฒนาระบบ One Wallet ส่งเสริมการนำเทคโนโลยี Blockchain และ Smart Contracts มาใช้สร้างกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน ลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ประชาชนและธุรกิจภาคเอกชนสามารถเข้าถึงการบริการได้สะดวก ปลอดภัย โดยจะเปิดโอกาสให้ Digital Startup ไทยเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบสร้างเครือข่ายนานาชาติและ Digital Diplomacy เชิงรุกระหว่างประเทศ โดยเตรียมความพร้อมเข้าเป็นสมาชิก Organization for Economic Cooperation and Development (OECD)

และร่วมมือกับหน่วยงานด้านดิจิทัลระหว่างประเทศในเวทีพหุภาคี ส่งเสริมและกระชับความร่วมมือเชิงรุกในรูปแบบทวิภาคีกับประเทศแถวหน้าด้านดิจิทัล และเร่งสร้าง Mega Program พลิกโฉมประเทศไทย ผ่านการพัฒนา ASEAN Digital HUB โดยการขยายผลโครงการ Thailand Digital Valley ให้เชื่อมโยงกับการพัฒนาเขตธุรกิจใหม่ (New Business Zone) และขยายเขตเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ทั่วประเทศ

ยกระดับเฟคนิวส์สู่ศูนย์เตือนภัยไซเบอร์
เครื่องยนต์ที่ 2 แนวทางการสร้างความมั่นคงและปลอดภัยของเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลจะต้องเร่งรัดการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนไทย ผ่านแผนงานการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์โดยเร่งด่วน โดยจะประสานงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบและจับกุมผู้เปิดบัญชีแทน/บัญชีม้าในประเทศไทย เว็บพนันออนไลน์ รวมถึงมิจฉาชีพคอลล์เซ็นเตอร์

และจะเพิ่มประสิทธิภาพระบบการอายัดบัญชีให้ทันท่วงที ควบคู่ไปกับการป้องกันการจู่โจมทางไซเบอร์จากต่างประเทศ ผ่านแผนงานการสร้างศูนย์เตือนภัยไซเบอร์ (Cyber Alert Center) ที่มีประสิทธิภาพ พร้อมส่งเสริมการยกระดับศูนย์ประสานงานด้านความมั่นคงปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศทุกระดับ เตรียมความพร้อมภาครัฐและภาคเอกชนด้านข้อมูลและความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ โดยการให้ความรู้และส่งเสริมให้เกิดความพร้อมด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและความมั่นคงปลอดดภัยไซเบอร์ รวมถึงการส่งเสริมระบบคลาวด์กลางภาครัฐ ทั้งในระดับความมั่นคงปลอดภัยสูงสุดและระดับทั่วไป

ผลิตเมล็ดพันธุ์ดิจิทัล-เพิ่มกำลังคนสาขาขาดแคลน 
ในส่วนของเครื่องยนต์ที่ 3 การเพิ่มศักยภาพทุนมนุษย์ด้านดิจิทัลของประเทศ กระทรวงดิจิทัลฯ จะให้ความสำคัญกับการผลิตเมล็ดพันธุ์ดิจิทัล สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย ผ่านการสร้างโรงเรียนโค้ดดิ้งสำหรับเด็กไทยทุกคน (Coding Thailand) และการสร้างห้องเรียนทางเลือกให้เด็กมีสิทธิเลือกเรียนวิชาชีพอนาคต ตรงใจ ตรงตัว ตรงงาน รวมถึงการสร้างเด็กอาชีวะดิจิทัล (Digital Skills for Future Industries) สร้างแรงงานไทยให้มีทักษะและความรู้ด้านดิจิทัล โดยการสร้างห้องเรียนฟรีสำหรับคนไทยวัยทำงาน จัดให้มีห้องเรียนเปิดด้านดิจิทัล หรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ของคนไทย เรียนฟรี 24 ชั่วโมง ช่วยให้คนวัยทำงานทุกคนมีโอกาส Upskill และ Reskill ทักษะที่เหมาะสมกับตัวเอง และทักษะอื่นที่จำเป็นสำหรับงานในโลกอนาคต และจัดให้มีมาตรการทางภาษีเพื่อกระตุ้นการพัฒนาทักษะดิจิทัล (Incentives for Thais)

นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มกำลังคนดิจิทัลในสาขาขาดแคลน โดยการพัฒนาระบบการศึกษาด้านดิจิทัลรูปแบบเปิด (Open Digital University) มุ่งพัฒนาระบบการเรียนบนโลกดิจิทัลเพื่อสร้างโอกาสให้คนไทยได้เรียนกับมหาวิทยาลัยชั้นนำหรือบริษัทเทคโนโลยีดิจิทัลระดับโลกผ่านระบบ 5G พร้อมดึงดูดกำลังคนในสาขาที่ขาดแคลนยิ่งยวด โดยให้มี Global Digital Talent Visa สำหรับเด็กที่จบจากมหาวิทยาลัย Top 600 ระดับโลก มีโอกาสได้มาท่องเที่ยวและทำงานกับบริษัทไทยที่มีความตกลงได้โดยสะดวก เพื่อประโยชน์ในการเติมเต็มกำลังคนของประเทศ และสร้างโอกาสด้านดิจิทัลให้คนกลุ่มเปราะบาง ผ่านแผนงาน Digital for ALL หรือการพัฒนาทักษะดิจิทัลสำหรับผู้สูงวัยและผู้พิการ เพื่อให้เกิดการยกระดับคุณภาพชีวิต มีงานทำ และมีรายได้

เปิด 4 แผนระยะสั้นดำเนินการทันที
นายประเสริฐ กล่าวว่า สำหรับแผนระยะสั้นที่สามารถดำเนินการได้ทันทีประกอบด้วย 4 ภารกิจเร่งด่วน ได้แก่ 1.การจัดตั้งศูนย์เตือนภัยไซเบอร์ (Cyber Alert Center) เพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชน

2.เร่งส่งเสริมชุมชนดิจิทัลโดรนใจ ตามแผนการดำเนินงานยกระดับชุมชนสู่การเป็นชุมชนดิจิทัล หรือ One Community One Digital ไม่น้อยกว่า 500 ชุมชน 50 ธุรกิจ ครอบคลุมพื้นที่ 4 ล้านไร่ เพื่อเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายให้กับเกษตรกร

3.เร่งสร้างและพัฒนาอาชีพในอุตสาหกรรมเกมและกีฬา E-SPORTS แก่เยาวชนไทยมากกว่า 80,000 คน โดยคาดว่าจะเกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท และ

4.การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนกำลังคนแก่ภาคอุตสาหกรรมผ่าน Global Digital Talent Visa เพื่อเปิดประเทศไทยในเวทีการแข่งขันโลกในระยะถัดไป ดึงดูดกำลังคนดิจิทัลสาขาขาดแคลนจากมหาวิทยาลัย Top 600 ระดับโลก