posttoday

WHA ดึง AI เสริม 4 ธุรกิจหลัก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ-ลดต้นทุน

22 สิงหาคม 2566

WHA ดึง AI หนุน 4 ธุรกิจหลัก “โลจิสติกส์-นิคมอุตสาหกรรม-ยูทิลิตี้และพลังงาน-ดิจิทัล” เพิ่มประสิทธิภาพ-ลดต้นทุน ฝากรัฐบาลใหม่ปรับกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค พร้อมเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) WHA เปิดเผยในงานสัมมนา “AI Revolution.. AI : เปลี่ยนโลกธุรกิจ” ที่จัดโดย กรุงเทพธุรกิจ หัวข้อ “AI: เปลี่ยนโลกธุรกิจ” ว่า เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ไม่ใช่เรื่องใหม่ 

ทั้งนี้ กลุ่ม WHA ถือเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานของการพัฒนาประเทศ เพราะฉะนั้นการที่บริษัทจะนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ มองว่าจะเกิดประโยชน์สูงสุดไม่ใช่แค่กับบริษัท แต่รวมถึงหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอีกด้วย ดังนั้นตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมาบริษัทจึงกำหนดภารกิจ Mission to The Sun ให้ทุกกลุ่มธุรกิจทรานส์ฟอร์มไปสู่เทคโนโลยีคอมปานี จนในปัจจุบันบริษัทได้ขับเคลื่อนด้วยการใช้ข้อมูลในการบริหารจัดการทุกภาคส่วน

โดยใน 4 ธุรกิจของกลุ่มบริษัทมีภารกิจที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่เทคโนโลยี ได้แก่ ด้านกรีนโลจิสติกส์ การใช้รถยนต์ไฟฟ้าในภาคการขนส่ง โดยสร้างแพลตฟอร์มและโปรแกรมในการควบคุมการเดินทางที่มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งเวลาในการใช้สถานีชาร์จประจุไฟฟ้า ทำให้ในภาพรวมจะสามารถลดต้นทุนโลจิสติกส์ทั้งหมด

ด้านนิคมอุตสาหกรรม สร้างแพลตฟอร์มการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน ให้ของเสียและของเหลือใช้อีกที่หนึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรให้อีกที่หนึ่ง รวมทั้งยังมีการจัดการระบบจราจรภายในพื้นที่นิคมฯ ด้วยเอไออีกด้วย

ด้านยูทิลิตี้และพลังงาน การบริหารและติดตั้งโซลาร์รูฟ และการเก็บข้อมูลการใช้พลังงานของลูกค้า รวมทั้งเรื่องการใช้งานน้ำ

ด้านดิจิทัล การใช้ประโยชน์จากข้อมูลมหาศาลที่ดับบลิวเอชเอจัดเก็บได้จากกลุ่มธุรกิจอื่น โดยที่สำคัญที่สุดคือการพัฒนาคนในองค์กรให้เข้าใจเรื่องการใช้งานเทคโนโลยี

“การเปลี่ยนแปลงเรื่องเทคโนโลยีที่เราพูดถึงจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีการสนับสนุนจากภาครัฐบาล โดยเรื่องสำคัญที่จะต้องเร่งทำคือการแก้ไขกฎเกณฑ์และกฎระเบียบที่ล้าสมัย สนับสนุนการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและอีโอซิสเต็มให้พร้อม รวมทั้งการบ่มเพาะทาเลนท์ โดยการให้ความสำคัญกับการศึกษาด้านเอไอตั้งแต่ในวัยปฐมเหมือนกับที่จีน” 

นางสาวจรีพร กล่าวว่า การได้นายกรัฐมนตรี และมีการจัดตั้งรัฐบาล จะสร้างความมั่นใจให้กับภาคธุรกิจเป็นอย่างมาก เนื่องจากประเทศไทยเกิดสุญญากาศมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว 

โดยเชื่อว่าการที่ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะช่วยขับเคลื่อนเรื่องต่างๆ ได้ดีมากขึ้น และมีนักลงทุนหลายรายกำลังรอนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทยอยู่ ส่วนงานเร่งด่วนที่รัฐบาลใหม่ควรเร่งดำเนินการ คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจและการกระตุ้นการลงทุน 

ข่าวล่าสุด

TCMA ชู Co-Processing กลไกหลักสู่ Net Zero 2050 ถอดบทเรียนจากเม็กซิโก