เงินหมุน...เมื่อต้องหมุนเงิน(ตอน1)
สำหรับคนที่ต้อง “หมุนเงิน” คงกำลังมองหาแหล่ง “เงินหมุน” กันจนหัวหมุน เรื่องนี้ไม่ยาก เพราะสมัยนี้มีทางเลือกให้หัวหมุนกันอีก....
สำหรับคนที่ต้อง “หมุนเงิน” คงกำลังมองหาแหล่ง “เงินหมุน” กันจนหัวหมุน เรื่องนี้ไม่ยาก เพราะสมัยนี้มีทางเลือกให้หัวหมุนกันอีก....
โดย...สวลี ตันกุลรัตน์
ช่วงเวลาแห่งความสุขและการเฉลิม ฉลองผ่านไปเร็วจริงๆ เพราะเผลอแป๊บเดียวนี่ก็จะผ่านครึ่งแรกของเดือน ม.ค. 2554 ไปแล้ว และสำหรับหลายๆ คน ช่วงเวลานับจากวันนี้กว่าจะไปถึงสิ้นเดือนคงแทบจะสิ้นใจ (อีกแล้ว)
สำหรับคนที่ต้อง “หมุนเงิน” คงกำลังมองหาแหล่ง “เงินหมุน” กันจนหัวหมุน เรื่องนี้ไม่ยาก เพราะสมัยนี้มีทางเลือกให้หัวหมุนกันอีก
เงินไม่มี แต่มีเครดิต
เป็นโชคดีของคนที่ “มีเครดิตดี” เพราะเครดิตดีใครๆ ก็อยากให้ยืมเงิน ทำให้มีแหล่งเงินหมุนให้เลือกเยอะ ซึ่งแต่ละทางเลือกมีข้อดีข้อด้อยต่างกันไป
บัตรกดเงินสด
ใครที่เคยเอือมระอาตอนที่มีพนักงานขายสินเชื่อโทรศัพท์มากวนใจบ่อยๆ ละก็ มาถึงตอนนี้อาจจะเริ่มคิดถึงเสียงออดอ้อนขอให้ช่วยสมัครบัตรนั้นบัตรนี้ เพราะถ้าเรามีบัตรกดเงินสด บัตรเบิกเงินสด หรือบัตรเงินสดพร้อมใช้ แล้วแต่สถาบันไหนจะตั้งชื่อให้โดนใจ
ลักษณะทั่วๆ ไปของบัตรกดเงินสด คือ เป็นวงเงินสินเชื่อที่สถาบันการเงินกำหนดเอาไว้ให้ คล้ายๆ กับเงินกู้เบิกเกินบัญชี หรือโอดี สำหรับการทำธุรกิจ โดยถ้าไม่มีการเบิกเงินออกมาก็ไม่มีดอกเบี้ย จะมีแต่ค่าธรรมเนียมรายปี ซึ่งในระยะหลังๆ ที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดสถาบันการเงินก็เริ่มจัดโปรโมชันยกเว้นค่าธรรมเนียม
เช่น ซิตี้แบงก์ เรดดี้เครดิต กำหนด|ค่าธรรมเนียมรายปี 1,000 บาท ถ้าในรอบปีนั้นไม่เคยเบิกถอนเงินเลย แต่มีการเบิกเงินก็ยกเว้นค่าธรรมเนียม เพราะฉะนั้นถ้าเบิกเงินกันทุกปี ปีละครั้งก็เหมือนกับ “ฟรีค่าธรรมเนียมรายปีตลอดชีพ”
แต่ถ้าเป็นสินเชื่อเงินสดทันใจ |(K-Express Cash) ธนาคารกสิกรไทย จะกำหนดไว้ชัดเลยว่า ฟรีทั้งค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี แบบไม่มีเงื่อนไข ซึ่งหลายๆ แห่งก็หันมายกเว้นค่าธรรมเนียมตลอดชีพเพื่อเอาใจลูกค้ากันเกือบหมดแล้ว
ทีนี้หลังจากที่เรามีบัตรกดเงินสดในมือ ก็ไม่ยากแล้ว แค่เดินไปที่เครื่องเอทีเอ็ม สอดบัตรเข้าไป กดรหัสให้ถูกต้อง เท่านี้เงินสดก็ไหลออกมาแล้ว แต่ที่จะยุ่งยากต่อไป คือ ดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้นตามมา เพราะ|ทันทีที่เงินไหลออกมาจากเครื่องเอทีเอ็ม ดอกเบี้ยก็ทำหน้าที่ของมันทันทีไม่มีรีรอ
อัตราดอกเบี้ยสำหรับบัตรกดเงินสดจะไม่เกิน 28% ต่อปี แบบลดต้นลดดอกเบี้ย และไม่มีค่าธรรมเนียมหรือดอกเบี้ยจากการกดเงินสดอีก
แต่หลายๆ สถาบันการเงินจะเลือกกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามวงเงินที่ได้รับ และเป็นเรื่องปกติที่วงเงินสูงจะได้ดอกเบี้ยต่ำกว่า เช่น สินเชื่อเงินสดทันใจ ของธนาคารกสิกรไทย กำหนดดอกเบี้ย 27% สำหรับวงเงินไม่เกิน 8 หมื่นบาท แต่ถ้าได้วงเงิน 2.4 แสนบาท จะเสียดอกเบี้ยเพียง 20% ต่อปีเท่านั้น
สำหรับการผ่อนชำระ โดยมากจะกำหนดให้ผ่อนชำระขั้นต่ำตามวงเงินที่เบิกออกมา เช่น ผ่อนชำระขั้นต่ำ 5% หรือ|ไม่ต่ำกว่า 500 บาท
บัตรเครดิต
แต่สำหรับคนที่มีบัตรเครดิตในมือ ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องคิดถึงบัตรกดเงิน เพราะสามารถเบิกเงินสดล่วงหน้า (Cash Advance) ได้ทันที ด้วยวิธีการเดียวกันคือ เดินไปที่เครื่องเอทีเอ็ม สอดบัตรเข้าไป กดรหัส (ที่สถาบันการเงินผู้ออกบัตรกำหนดมาให้) เงินสดก็ไหลออกมาเหมือนกัน แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกัน คือ ดอกเบี้ย
นั่นเพราะถ้าเป็นการเบิกเงินสด ล่วงหน้าจากบัตรเครดิต จะต้องเสียค่าธรรมเนียมการเบิกเงิน 3% ของวงเงินที่เบิกออกมาในแต่ละครั้ง และเริ่มคิดดอกเบี้ยตามที่บัตรเครดิตกำหนดไว้ทันทีที่เบิกเงินออกไป ไม่เหมือนกับการใช้บัตรเครดิตรูดซื้อสินค้า ที่จะมีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย 50-55 วัน
นอกจากนี้ สถาบันการเงินบางแห่งจะกำหนดยอดขั้นต่ำที่จะถอนออกมาได้เอาไว้ด้วย เช่น ธนาคารกรุงเทพ กำหนดไว้ที่ 1,000 บาท และธนาคารกสิกรไทย กำหนดไว้ที่ 2,000 บาท
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตจะกำหนด กันแบบ “ชนเพดาน” ที่ 20% ต่อปี เพราะฉะนั้นเมื่อบวกกับค่าธรรมเนียมเบิกเงินสดอีก 3% เท่ากับว่า ต้นทุนเงินหมุนจากการเบิกเงินสดล่วงหน้าเท่ากับ 23%
หากมองผ่านๆ ดูเหมือนจะต่ำกว่าการใช้บัตรกดเงินสด แต่หากเป็นการหมุนเงินเพียงระยะเวลาสั้นๆ ไม่ถึง 1 ปี การเบิกเงินสดจากบัตรเครดิตจะเสียดอกเบี้ยสูงกว่า เพราะดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดและดอกเบี้ยบัตรเครดิตคิดเป็นรายปี แต่สำหรับบัตรเครดิตไม่ว่าจะจ่ายเร็วจ่ายช้าก็จะเสียค่าธรรมเนียมทันที 3%
สินเชื่อเงินสด
เมื่อก่อนนี้สินเชื่อเงินสดอาจจะไม่เข้าข่ายแหล่งเงินหมุน เพราะกว่าจะรู้ผลการอนุมัติก็ใช้เวลาเป็นอาทิตย์ แต่สมัยนี้เทคโนโลยีก้าวไกล การอนุมัติสินเชื่อเงินสดทำได้รวดเร็ว เพราะสถาบันการเงินบางแห่งถึงกับการันตีว่า รู้ผลการอนุมัติภายใน 30 นาที และช้าที่สุดที่เคยเห็นโฆษณากันคือ รับเงินในวันรุ่งขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าเจ้าไหนอนุมัติช้ากว่านี้ก็อาจจะห่างไกลคำว่า “เงินหมุน” ออกไปสักหน่อย
และเช่นเดียวกันสำหรับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อประเภทนี้ คือ กำหนดดอกเบี้ยแบบชนเพดาน ที่ 28% ต่อปี (แบบลดต้นลดดอกเบี้ย) และอัตราดอกเบี้ยของลูกค้าแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไป ซึ่งโดยมากอัตราดอกเบี้ยจะกำหนดตามวงเงินสินเชื่อที่ได้รับ นั่นคือ วงเงินมากดอกเบี้ยน้อย
แต่ข้อเสียของสินเชื่อเงินสด คือต้องผ่อนชำระตามจำนวนงวดที่ตกลงกับสถาบันการเงินเอาไว้ ที่มีตั้งแต่ 6 เดือน ไปจนถึง 60 เดือน และถ้าบังเอิญอยากจะจ่ายหมดก่อนอาจจะต้องยอมเสียค่าปรับ หรือต้องยอมจ่ายดอกเบี้ยเต็มตามสัญญาที่กำหนดไว้ เพราะฉะนั้นก่อนจะจรดปากกาเซ็นสัญญากู้เงินประเภทนี้อย่าลืมสอบถามเงื่อนไขเหล่านี้ให้ชัดเจนเสียก่อน
เงินไม่มี แต่มีของ
สำหรับคนที่ไม่มีเงิน ไม่มีเครดิต แต่ยังดีที่มี “ทรัพย์สิน” พอที่จะหยิบยกไป “จำนำ” อยู่บ้างก็ไม่ต้องรีรอ เพราะทรัพย์สินหลายอย่างสามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ง่ายๆ
โรงจำนำ
แทบจะไม่ต้องแนะนำอะไรมากมาย เพราะ “โรงรับจำนำ” เป็น “ขวัญใจคนยาก” มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะไม่ว่าจะมีทีวี ตู้เย็น ก็ยกเข้าโรงรับจำนำได้|ทั้งนั้น (แต่ดูเหมือนว่าทรัพย์สินที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คงเป็นทองคำ)
แต่สำหรับมือใหม่หัดเข้าโรงรับจำนำอาจจะเหนียมๆ อายๆ กันบ้าง เพราะการเดินเข้าโรงรับจำนำ แรกๆ อาจจะรู้สึกเขินๆ นิดหน่อย และอาจจะต้องเหลียวซ้ายแลขวาให้แน่ใจว่า ไม่มีคนรู้จักผ่านมาเห็น แล้วก็รีบผลุบเข้าไปหลังม่านบังตา แต่เชื่อเถอะว่า หลังจากครั้งแรกผ่านไป ต่อจากนี้ก็สบายๆ
ถ้าอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครแล้วเดินเข้า สถานธนานุบาลกรุงเทพมหานคร ในช่วงวันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค. 2554 อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ระหว่าง 0.5-2% ต่อเดือน โดยจะคำนวณจากเงินต้น
เงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท ดอกเบี้ย 0.5%
เงินต้น 5,001-15,000 บาท ดอกเบี้ย 1%
เงินต้นตั้งแต่ 15,001 บาท ดอกเบี้ยแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ เงินต้น 2,000 บาทแรก ดอกเบี้ย 2% และส่วนที่เหลือ 1.25%
แต่ถ้าเดินไปที่ สถานธนานุเคราะห์ ภายในวันที่ 1 มี.ค. 2554 อัตราดอกเบี้ยจะต่ำลงมาอีกนิด อยู่ระหว่าง 0.25-1.25% ต่อเดือน โดยคำนวณจากเงินต้นเช่นเดียวกัน
เงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท ดอกเบี้ย 0.25%
เงินต้น 5,001-7,500 บาท ดอกเบี้ย 0.5%
เงินต้น 7,501–10,000 บาท ดอกเบี้ย 0.75%
เงินต้น 10,000–17,500 บาท ดอกเบี้ย 1%
17,501–100,000 บาท ดอกเบี้ย 1.25%
มีรถไปจำนำทะเบียน
สินทรัพย์อีกประเภทหนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะมีแต่คนใจดีอยากจะช่วยให้เงินมาหมุน เพราะถ้านั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์สัก 1-2 ชั่วโมง รับรองว่าจะได้เห็นโฆษณาประเภท “มีรถตรงมาเลย ได้วงเงินเยอะ รับเงินไว” อะไรประมาณนี้
แต่น่าเสียดายสัปดาห์นี้พื้นที่มีน้อย คงต้องขอให้อดใจรออ่านรายละเอียดกันในสัปดาห์หน้า


