posttoday

NT โชว์ศักยภาพ แปลงท่อสื่อสาร รับสายไฟฟ้าลงใต้ดิน

24 เมษายน 2566

เปลี่ยนการสร้าง เป็นการเช่าใช้ เร่งตอบโจทย์การปรับทัศนียภาพประเทศ ช่วยลดต้นทุน ด้วยความพร้อมท่อร้อยสายสื่อสารที่มีอยู่เกือบ 5,000 กิโลเมตร ทั่วประเทศ

เป็นเวลาหลายปี ที่ประเทศไทยพยายามนำสายสื่อสารที่รกรุงรัง แก้ปัญหาด้วยการจัดระเบียบสายใหม่ ตัดสายเก่าทิ้ง หรือ นำการนำสายลงใต้ดิน ซึ่งการจัดระเบียบก็ยังไม่สามารถตอบโจทย์ หรือ ลดความรกรุงรังได้ เพราะยังคงมีการเกิดสายสื่อสารขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่อง ตามสภาพการแข่งขันย้ายค่ายที่รุนแรง ขณะที่การนำสายลงท่อใต้ดินก็เป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากต้องเป็นหน้าที่ของการไฟฟ้าในการหักเสาไฟฟ้า และ ขุดท่อขึ้นมาใหม่ เพื่อร้อยทั้งสายไฟและสื่อสารลงใต้ดินพร้อมกัน ซึ่งต้องใช้เวลา และบางพื้นที่ก็ไม่สามารถขุดท่อขึ้นมาใหม่ได้ ด้วยสภาพถนนและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป

พร้อมแปลงท่อสื่อสารรับสายไฟฟ้า

มรกต เธียรมนตรี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เปิดเผยว่า สาเหตุที่ประเทศไทยยังคงมีปัญหาสายสื่อสารรกรุงรัง ซึ่งนอกจากส่งผลต่อทัศนียภาพของประเทศแล้ว ยังเกิดอันตรายต่อผู้คน ทั้งอุบัติเหตุจากสายสื่อสารขาด ระโยงระยางขวางเส้นทางจราจรทำให้ประชาชนได้รับความบาดเจ็บ จนไปถึงการเกิดเหตุไฟไหม้สายสื่อสารที่เห็นอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากสายสื่อสารต้องพาดอยู่บนเสาไฟฟ้า 

NT โชว์ศักยภาพ แปลงท่อสื่อสาร รับสายไฟฟ้าลงใต้ดิน

ดังนั้นการแก้ปัญหาคือ การไฟฟ้าต้องมีโครงการล้มเสาไฟฟ้า และสร้างท่อสำหรับร้อยสายไฟฟ้าลงดิน ทำให้สายสื่อสารมีสภาพบังคับต้องลงใต้ดินไปด้วย ทว่าปัญหาคือ ใช้งบประมาณมหาศาล รวมถึงต้องใช้เวลาในการขุดสร้างท่อ และไม่สามารถเข้าได้ในทุกพื้นที่ 

ขณะที่แม้ NT เองมีท่อสายสื่อสารอยู่เกือบ 5,000 กิโลเมตร ทั่วประเทศ แต่ก็ไม่สามารถจูงใจให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ไอเอสพี) เปลี่ยนจากการพาดสายบนเสาไฟฟ้ามาลงท่อร้อยสายใต้ดินได้ ด้วยราคาและความสะดวกที่แตกต่างกัน

ที่ผ่านมา NT จึงเน้นการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ในการนำสายสื่อสารลงดิน ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.)  การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กรุงเทพมหานคร (กทม.)  เทศบาล และองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น รวมทั้งสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย

โดย NT ให้บริการให้เช่าใช้ท่อร้อยสายใต้ดินกับหน่วยงานภาครัฐและผู้ประกอบการโทรคมนาคม แทนการพาดสายสื่อสัญญาณต่างๆ ผ่านเสาไฟฟ้าของ กฟน. และ กฟภ.

หลังจากได้ทำงานร่วมกัน จึงได้ศึกษาและพบว่า ท่อร้อยสายที่การไฟฟ้าขุดนั้น ไม่จำเป็นต้องขุดลึกถึง 3 เมตร เหมือนอย่างที่เข้าใจ เพราะสายไฟฟ้าที่ลงใต้ดิน ไม่ใช่ไฟฟ้าแรงดันสูง แต่เป็นกระแสไฟฟ้าแรงดันกลางและต่ำ ซึ่งสามารถร้อยลงท่อสื่อสารของ NT ได้ โดยไม่มีการกวนกัน เพราะหากมีการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน สายไฟจะมีฉนวนหุ้ม กันน้ำ กันการรบกวนอยู่แล้ว หลักการเดียวกับการเดินไฟฟ้าจากสุราษฎร์ธานีไปเกาะสมุยซึ่งต้องเดินอยู่ใต้ทะเล

NT โชว์ศักยภาพ แปลงท่อสื่อสาร รับสายไฟฟ้าลงใต้ดิน

ดังนั้น NT จึงมีแนวคิดในการทำงานร่วมกับการไฟฟ้าในการให้เช่าท่อร้อยสาย ซึ่งจะทำให้การไฟฟ้าประหยัดงบประมาณ สามารถนำสายไฟฟ้า รวมถึง ช่วยสร้างสภาพบังคับให้สายสื่อสารลงดินได้ในเวลาพร้อมกันอีกด้วย

เมื่อรัฐบาลใหม่ มีความลงตัว เรามั่นใจว่า แนวคิดนี้จะเกิดขึ้นแน่นอนภายใน 2 เดือน เพราะเป็นสิ่งที่ทำได้ และเห็นผลงานไว

Single Last Mile ลดการลงทุนซ้ำซ้อน

มรกต กล่าวว่า NT ที่ท่อร้อยสายใต้ดินอยู่แล้ว 4,450 กิโลเมตร แบ่งเป็นท่อร้อยสายในพื้นที่นครหลวง 3,600 กิโลเมตร และภูมิภาค 850 กิโลเมตร โดย NT ให้บริการให้เช่าใช้ท่อร้อยสายใต้ดินกับหน่วยงานภาครัฐและผู้ประกอบการโทรคมนาคม แทนการพาดสายสื่อสัญญาณต่างๆ ผ่านเสาไฟฟ้าของ กฟน. และ กฟภ. พร้อมกับ NT มีแนวทางพัฒนาบทบาทเป็น Neutral Operator และ Neutral Last Mile Provider รองรับการให้บริการ Broadband และ Data Service สำหรับผู้ประกอบการโทรคมนาคม เพื่อให้มีการใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมร่วมกัน เป็นการลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อน และมีการใช้ทรัพยากรของรัฐที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

ตั้งแต่ปี 2565 ที่ผ่านมา NT มีการจัดระเบียบสายสื่อสารไปแล้วหลายเส้นทาง โดยเฉพาะมีการจัดระเบียบสายสื่อสารแบบการใช้โครงข่ายปลายทางร่วมกัน (Single Last Mile) เพื่อลดจำนวนการพาดสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้า โดยผู้ประกอบการโทรคมนาคมลงทุนในส่วนของโครงข่ายโทรคมนาคมหลัก (Core) และ NT เป็นผู้ลงทุนในส่วนของโครงข่ายโทรคมนาคมปลายทาง (Last Mile) เข้าสู่บ้านเพื่อให้บริการลูกค้าทั้งแบบแขวนอากาศและแบบอยู่ใต้ดิน 
โดยมีการสร้างจุดเชื่อมต่อจากโครงข่ายหลัก (Core) เข้าสู่บ้านเรือนหรืออาคารของผู้ใช้บริการเป็นการรองรับการใช้งานของผู้ให้บริการและลดการลงทุนซ้ำซ้อนของผู้ให้บริการ ตอบโจทย์ความมั่นคง และมีเสถียรภาพทางการสื่อสารและโทรคมนาคม สามารถใช้ทรัพยากรของประเทศร่วมกัน (Infrastructure Sharing)

ปัจจุบันได้มีการดำเนินการในรูปแบบ Single Last Mile แขวนบนอากาศบริเวณพื้นที่ ถนนนาคนิวาส กรุงเทพมหานคร และ Single Last Mile แบบลงท่อร้อยสายใต้ดิน บริเวณพื้นที่ถนนข้าวสาร กรุงเทพมหานคร ถนนพัทยาเหนือ จังหวัดชลบรี ถนนอุดรดุษฎีและถนนโพธิ์ศรี เทศบาลเมืองอุดรธานี และมีแผนการดำเนินการในอีกหลายพื้นที่ เช่น ถนนเยาวราช

Single Last Mile จะช่วยให้ไอเอสพี ไม่ต้องลงทุนเหมือนกัน พร้อมกัน เพื่อแข่งขันในตลาดที่ไม่รู้ว่าผู้บริโภคจะเลือกใคร เช่น ในพื้นที่หนึ่งมีประชากร 100 ครัวเรือน ไอเอสพีทุกรายต้องเตรียมสายสื่อสารทั้ง 100 ครัวเรือน แต่อาจจะได้ลูกค้าแค่ 30 ครัวเรือน การเช่าใช้สายสื่อสารร่วมกันโดยจ่ายรายเดือนเพียง 90-120 บาท จะช่วยให้มีการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น ขณะที่ผู้บริโภคเองเมื่อมีการเปลี่ยนผู้ให้บริการ ก็ไม่ต้องเดินสายใหม่ ไม่เกิดสายตาย เพราะไอเอสพีรายใหม่สามารถเช่าใช้สายเส้นเดิมได้ทันที 

เยาวราชที่เราจะนำร่อง ใช้งบประมาณเราเอง 10 ล้านบาท เพื่อสร้างให้เกิดการรับรู้ว่า เราสามารถทำได้ และทำได้เร็ว ซึ่งโครงการนี้กทม.มีแผนในการปรับทัศนียภาพอยู่แล้ว เราจึงหารือกับผู้ว่าในการทำโครงการในพื้นที่ไปพร้อมกัน

เปิดแผนนำสายลงดินปี 66

สำหรับแผนการดำเนินงานนำสายสื่อสารลงท่อร้อยสายใต้ดินในปี 2566 จะสอดคล้องกับแผนงานของ กสทช. กฟน. กฟภ. กทม. เทศบาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการจัดระเบียบสายสื่อสารเพื่อปรับสภาพภูมิทัศน์ของบ้านเมืองให้มีสภาพเรียบร้อยสวยงาม เพิ่มศักยภาพและความปลอดภัยของโครงข่ายสื่อสารจากอุบัติเหตุ ซึ่งประกอบด้วยแผนงาน ดังนี้

-แผนงานโครงการปรับเปลี่ยนสายไฟฟ้าและสายสื่อสารลงใต้ดิน เพื่อรองรับการเป็นมหานครอาเซียน จำนวน 39 เส้นทาง ระยะทาง ประมาณ 127 กม. โดยมีแผนที่จะดำเนินการในปี 2566 เช่น ถนนอังรีดูนังต์ ถนนหลังสวน ถนนวิทยุ ถนนพระราม 4 ถนนจรัญสนิทวงศ์ ถนนลาดพร้าว ถนนพหลโยธิน ถนนรามคำแหง ถนนศรีนครินทร์ เป็นต้น

-แผนงานโครงการนำสายสื่อสารลงใต้ดิน ตามนโยบายสำนักงาน กสทช. โดยมีแผนในปี 2566 เช่น ถนนมหาราช ถนนอโศก ถนนรัชดาภิเษก ถนนอิสรภาพ เป็นต้น

-แผนงานโครงการร่วมกับ กทม. เส้นทางปรับปรุงทางเท้า 13 เส้นทาง เช่น ถนนเยาวราช ถนนสุทธิสาร (อินทามระ) ถนนพระราม 4 เป็นต้น

-แผนงานโครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้าเป็นเคเบิลใต้ดินของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เช่น นครราชสีมา เชียงใหม่ เชียงราย ระนอง หนองคาย ชลบุรี ภูเก็ต พัทยา หาดใหญ่ เป็นต้น

-แผนงานโครงการ 1 จังหวัด 1 ถนนเฉลิมพระเกียรติ ส่วนต่อขยาย
แผนงานโครงการนำสายสื่อสารลงใต้ดินบริเวณฐานทัพเรือสัตหีบ ตามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือ กับ NT ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจโดยมีสนามบินอู่ตะเภาและชุมชนถนนสุขุมวิท ได้ดำเนินการไปแล้ว 2 เส้นทาง ยังเหลืออีก 7 เส้นทาง

ดังนั้นในปี 2566 จะเห็นรายได้จากธุรกิจนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง NT คาดหวังว่า ในอนาคตจะสร้างกำไรให้กับองค์กรปีละกว่า 1,000 ล้านบาท เท่ากับมีรายได้ปีละ 10,000 ล้านบาท เพราะในปี 2568 จะเป็นปีสุดท้ายที่ NT หมดรายได้จากการให้บริการคลื่นโทรศัพท์มือถือซึ่งรายได้จะหายไปเป็นหลักหมื่นล้านบาท เช่นกัน 

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา