posttoday

"EXIM BANK" อัด 5 พันล้าน หนุนดอกเบี้ยต่ำ 6.50% ดัน SMEs ไทยบุกตลาดอาเซียน

17 กุมภาพันธ์ 2566

EXIM BANK เติมทุน SMEs 5 พันล้านบาท ผ่านสินเชื่อ “EXIM เพื่อคนตัวเล็ก” หนุนดอกเบี้ยต่ำเพียง 6.50% ต่อปี รายย่อยวงเงินสูงสุด 2 ลบ. นิติบุคล 15 ลบ.เตรียมเจรจานำผู้ประกอบการไทย ขายสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซ Amazon

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า EXIM BANK เตรียมวงเงินเพิ่มกว่า 5,000 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้คนตัวเล็กหรือ ผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถส่งออกสินค้าไปขายยังต่างประเทศ ตามนโยบายส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ของภาครัฐ นอกเหนือจากการให้ความรู้ และสร้างช่องทางการขายแล้ว จะให้บริการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเงินหมุนเวียนธุรกิจ อัตราดอกเบี้ย 6.50% ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าตลาด เพื่อให้กับ SMEs ที่เข้าร่วมโครงการ “EXIM เพื่อคนตัวเล็ก” ซึ่งเป็นโครงการที่ช่วยเหลือและสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการไทยให้สามารถขยายธุรกิจไปต่างประเทศไทย  ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรม หรือวิสาหกิจชุมชน หรือผู้ประกอบการ SMEs ที่ทำธุรกิจเชื่อมโยงกับ Supply Chain

 

นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายให้อัตราดอกเบี้ยที่ 5% สำหรับกรีน SME ที่สร้างโลกให้สะอาด สามารถรักษาระบบนิเวศของประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวในเดือนหน้า 

 

สำหรับวงเงิน EXIM BANK พยามที่จะปรับลดวงเงิน เพื่อให้รายย่อยเข้าถึงได้มากขึ้น โดยจะเริ่มวงเงินตั้งแต่ 2 แสนบาท ไปจนถึง 2 ล้านบาท และสูงสุด 15 ล้านบาท สำหรับนิติบุคคล สำหรับรายที่มีออเดอร์แล้ว จากตลาดที่เราสร้างไว้  คือ ไทยแลนด์ พาวิลเลี่ยน ซึ่งเป็นช่องทางการขายสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซอาลีบาบา ที่ได้รับความร่วมมือกับอาลีบาบา โดยได้การช่วยเหลือจากบสย.มาช่วยค้ำประกัน โดยต้องมีหลักทรัพย์มานค้ำประกัน นอกจากนี้อยู่ในขั้นตอนเตรียมเจรจานำผู้ประกอบการไทย ขายสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซ Amazon

 

ปัจจุบัน EXIM BANK มีคนตัวเล็กในระบบ 3.17 ล้านราย เป็นผู้ส่งออกได้เพียงแค่ 1% หรือจำนวน 3 หมื่นราย โดยลูกค้าที่เป็นคนตัวเล็กที่ไม่เคยค้าขายจากต่างประเทศเพิ่มเข้ามาใหม่กว่า 5 พันราย  โจทย์สำคัญคือ จะทำอย่างไรให้คนตัวเล็กเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าจะสร้างคนตัวที่เป็นนักรบเศรษฐกิจให้ได้อีก 1 หมื่นรายภายในสิ้นปีนี้ 

 

นอกจากเรื่องเงินทุนแล้ว  EXIM BANK ยังจะเพิ่มเครื่องมือในการบุกตลาดต่างประเทศ คือ 1.การประกันการส่งออก 2.ให้ประกันความเสี่ยงด้านค่าเงิน

 

อย่างไรก็ตาม อยากบอกผู้ประกอบการรายย่อยไทยว่า อย่าจำกัดตัวเองไว้แค่เพียงในประเทศ วันนี้ตลาดที่ต้องการสินค้าไทยมากที่สุด คือ อาเซียน ซึ่งในปี 2566 เป็นตลาดที่เติบโตที่สุดในโลก โดยเฉพาะตลาด ฟิลิปปินส์ เห็นได้จากจีดีพี ที่สูงถึง 8% นอกจากนี้ยังมี ตลาดเวียงจันทน์ พนมเปญ โฮจิมิน หรือตลาดในอาเซียน มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เป็นต้น สินค้าที่ให้ร่วมโครงการ คือ สินค้าเกษตรแปรรูป เช่น ผลไม้แปรรูป น้ำเต้าหู้แปรรูป เป็นต้น

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด อาร์เซน่อล พบ คริสตัล พาเลซ คาราบาวคัพ วันนี้