posttoday

“ดิษทัต” ซีอีโอ ใหม่ OR กางแผนงบลงทุน 5 ปี กว่า 1.1 แสนล้าน

19 มกราคม 2566

ขณะที่ปี 66 ทุ่มกว่า 3.1 หมื่นล้าน เทกว่า 45% ในกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ พร้อมผลึกกำลังกลุ่มปตท. เป็นผู้นำโครงสร้างพื้นฐาน EV ไทย มั่นใจเศรษฐกิจฟื้น ดันยอดขายน้ำมันปี 66 โต ชูแนวคิด “RISE OR” ทะยานสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)หรือORเปิดเผยว่า ในโอกาสที่ได้เข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตนพร้อมสานต่อวิสัยทัศน์ “Empowering All toward Inclusive Growth” หรือ “เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน” และมุ่งผลักดันORให้ทะยานไปสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

 

สำหรับแผนดำเนินธุรกิจ 5 ปีนั้น OR ได้เตรียมแผนงบลงทุนที่ 1.1 แสนล้านบาท ในขณะที่งบลงุทุนปี 2566 จะใช้งบลงทุนที่ 31,000 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มธุรกิจ Seamless Mobility ที่ 22%, กลุ่มธุรกิจ All Lifestyles ที่ 45% , กลุ่มธุรกิจ Global Market ที่ 16% และ กลุ่ม OR Innovation ที่ 17% แบ่งเป็น
 

 

1. Ecosystem Designหรือ การออกแบบระบบนิเวศสำหรับธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ตั้งเป้าปี 2030 จะติดตั้งตู้ชาร์จไฟฟ้าครบ 7,000 ตู้ จากปัจจุบันกว่า 300 ตู้ชาร์จ เพื่อให้ประชาชนสามารถได้เข้าถึงการใช้งานที่ครอบคลุม พร้อมพัฒนาแอพพลิเคชั่นเพื่อง่ายต่อการใช้งาน สามารถตรวจสอบว่ามีตู้ชาร์จอยู่ที่สถานีไหนบ้าง จะส่งผลให้ OR มีอีโคซิสเต็ม และเกิดพาร์ทเนอร์ชิปอีวีในไทย

 

“OR จะเป็นผู้นำด้านอีโคซิสเต็มอีวี รองรับไลฟ์สไตล์ผู้ใช้งาน และเพื่อก้าวสู่ความยั่งยืนจะต้องคุยกับพาร์ทเนอร์ โดยจะหารือในเรื่องของกฎเกณฑ์ของสัญญาธุรกิจสถานีพีทีที สเตชั่น ซึ่งสาขาอนาคตที่จะเปิดใหม่ต้องมีองค์ประกอบด้านพลังงานสะอาดที่มาจากโซลาร์ รูฟ โดยขณะนี้ได้หารือกับบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. เพื่อทำระบบกักเก็บพลังงาน สร้างอีโคซิสเต็มด้านพลังงานสะอาด อีกไม่เกิน 2 เดือนจะประกาศแผนให้ทราบอีกครั้ง”

 

2. Professional Managementหรือ การพัฒนาบุคลากรภายในควบคู่กับการสรรหาพันธมิตร ที่มีความเชี่ยวชาญจากภายนอก โดยเป้าหมายหลักการทำงานต่อจากนี้ คือ สานต่อวิสัยทัศน์ที่ครอบคลุมการให้โอกาสในการดำเนินธุรกิจ จึงอยากทำให้ธุรกิจปัจจุบันแข็งแกร่ง ขับเคลื่อนองค์กร และผู้บริหารให้มีแนวคิดและกลยุทธ์เดียวกัน พร้อมกับหาธุรกิจใหม่เพื่อความก้าวหน้า และสร้างความเข้มแข็งให้กับพันธมิตรและ OR
 

 

3. Strategic Allianceหรือ การสร้างพันธมิตรเพื่อหาโอกาสขยายธุรกิจทั้งภายในและต่างประเทศ ทั้งนี้ จากการที่ตนมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจต่างประเทศ สิ่งสำคัญคือ จะต้องรู้เขารู้เรา ดังนั้น การลงทุนในประเทศใหม่ ๆ จะต้องหาพาร์ทเนอร์ให้เจอ พร้อมกับวิเคราะห์และทำงานร่วมกัน ดังนั้น คณะกรรมการ OR ทุกคนจะต้องช่วยกันผลักดัน ส่วนนโยบายการแทรกแซงทางการเมืองนั้น ยืนยันว่า OR ดำเนินธุรกิจมายาวนาน ที่ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำคือ การร่วมทำงานกับทุกภาคส่วนทั้งพาร์ทเนอร์และรัฐบาล

 

4. Sustainability Criteriaหรือการกำหนดหลักเกณฑ์ด้านPeople & Planetซึ่งในการตอบโจทย์สังคมและสิ่งแวดล้อม OR จะสร้างความรู้สึกให้กับผู้ใช้บริการเมื่อเข้ามายังสถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่น จะเห็นการเปลี่ยนแปลงในปั๊มน้ำมันที่มีสีเขียวมากยิ่งขึ้น รวมถึงจำนวนตู้ชาร์จอีวี และทุกอย่างที่เป็นพลังงานสะอาดมากขึ้น

 

“สถานีน้ำมัน หรือคลังน้ำมันของ OR ในระยะ 5 กิโลเมต ต้องทำให้ชุมชนบริเวณนั้น ๆ มีความสุข พร้อมกำหนดกฎเกณฑ์ ข้อบังคับในเรื่องของความยั่งยืนกับพันธมิตร เช่น สถานีบริการน้ำมันต่อจากนี้จะมุ่งสู่กรีนมากยิ่งขึ้น อาทิ การติดตั้งโซลาร์ รูฟ หรือแม้กระทั้งแก้วกาแกที่อเมซอน ก็จะต้องเป็นแก้วไบโอเพื่อนำมารีไซเคิลหรือย่อยสลายได้ง่าย”

 

สำหรับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) ซึ่งในโลกมี 17 หัวข้อนั้น จะเป็นหัวข้อที่นำไปสู่เป้าหมายความยั่งยืน OR พร้อมเข้าไปช่วยเหลือสนับสนุนให้โอกาสคนตัวเล็กเพื่อสร้างรายได้ให้ยั่งยืน อาทิ การแสวงหาโอกาสผ่านแพลตฟอร์มของ OR ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ในการเข้าถึงสินค้าชุมชน เป็นต้นซึ่ง OR ได้กำหนดเป้าหมายปี 2030 ไว้ 3 เป้าหมาย คือ ยกระดับคุณภาพชีวิตคนในชุมชน 15,000 ชุมชน ให้มีศักยภาพทางเศรษฐกิจดีขึ้น กระจายรายได้ให้คนมากกว่า 1 ล้านคน และการคำนึงด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การบริหารจัดการด้านขยะ มุ่งสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ

 

ทั้งนี้ จากพอร์ตฟอลิโอของ OR ที่มีความได้เปรียบตามพันธกิจ 4 กลุ่มธุรกิจดังกล่าว ซึ่ง OR พร้อมที่จะปรับบอร์ตธุรกิจด้านพลังงานเพื่อความมั่งคนสู่พลังงานสะอาดมากยิ่งขึ้น พร้อมกับแสวงหาโอกาสในธุรกิจใหม่เพื่อสร้างความยั่งยืนในอนาคต

 

นายดิษทัต กล่าวว่า สำหรับภาพรวมของการเติบโตของธุรกิจในปีนี้นั้น หากดูในเชิงสภาพแวดล้อม และการท่องเที่ยวดีขึ้น ซึ่ง OR ทำธุรกิจค้าขายน้ำมัน เมื่อดีมานด์เพิ่มขึ้นก็จะซัพพลายผลิตภัณฑ์ได้ดีขึ้น จึงมั่นใจว่ากลุ่ม Mobility ในส่วนของยอดขายน้ำมันก็จะโตจากปี 2565 แน่นอน

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยแนวคิด “RISE OR” ที่สะท้อนถึงบทบาทความเป็นผู้นำที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนองค์กร ประกอบด้วย R : Result การมุ่งสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม, I : Intelligenceการตัดสินใจที่ฉลาดบนพื้นฐานของข้อมูลข่าวสารที่มีประสิทธิภาพ, S : Synergy การผนึกกำลังของธุรกิจทั้งภายในและภายนอกกลุ่ม ปตท. และ E : Entrepreneurship การทุ่มเทในบทบาทหน้าที่ด้วยจิตวิญญาณของผู้ประกอบการ

 

ทั้งนี้ OR ได้ให้ความสำคัญกับการลงมือทำที่ชัดเจนทั้ง3ด้าน ได้แก่ 1. Synchronization for Ecosystemหรือ การประสานธุรกิจพลังงานและไลฟสไตล์ให้เป็นหนึ่ง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศของORผ่านการใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบของ แต่ละธุรกิจ ในการเสริมความเข้มแข็งซึ่งกันและกันให้สามารถตอบโจทย์วิถีชีวิตแห่งอนาคต ทั้งด้าน offline และ online

 

2.Synergy for Impactหรือ การผนึกกำลังของธุรกิจทั้งภายในและภายนอกกลุ่ม ปตท. เพื่อยกระดับผลกระทบเชิงบวกต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดแบบครบวงจร พร้อมเปิดประตู ความร่วมมือสู่การเติบโตร่วมกัน

 

3. Sustainability for Future หรือการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่านSDGในแบบฉบับของORเพื่อตอบโจทย์เป้าหมายOR 2030ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย S: SMALLโอกาสเพื่อคนตัวเล็ก(Opportunities for Communities) ผ่านการดำเนิน ธุรกิจควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนม D : DIVERSIFIEDโอกาสเพื่อการเติบโตทุกรูปแบบ(More Partners, Products and Services) ผ่านศักยภาพของORที่จะเป็นPlatformในการกระจายโอกาสทางธุรกิจที่หลากหลายและครอบคลุม พร้อมเติบโตไปด้วยกัน

 

G:GREENโอกาสเพื่อสังคมสะอาด(Low Carbon Business Areas) ผ่านการส่งเสริม ธุรกิจทุกประเภทของORให้เป็นธุรกิจสีเขียว เพื่อสนับสนุนให้เกิดสังคมคาร์บอนต่ำ อย่างยั่งยืน และบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี2030ตลอดจนมุ่งสู่การบรรลุการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon) ภายในปี2050

 

“วันนี้ORพร้อมที่จะติดปีกทะยานไปสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยจะเป็นการเติบโตผ่านการร่วมมือกับธุรกิจทั้งภายในและภายนอกกลุ่ม ปตท. เพื่อสนับสนุนกันและกันผ่านการใช้AssetของORที่มี ตลอดจนความสามารถในการขยายธุรกิจ ในขณะที่ยังคงเติมเต็มทุกความต้องการของ ผู้บริโภคได้อย่างครบครัน” นายดิษทัต กล่าว